> SET > EA

22 กันยายน 2023 เวลา 11:46 น.

โบรกมองหุ้น EA ทิศทางโรงไฟฟ้า-ธุรกิจ EV ปีหน้าสดใส?

#EA #ทันหุ้น - บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA พบนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 21 ก.ย. บล.หยวนต้า มีมุมมองเป็นกลาง โดยระบุว่า EA จะได้แรงหนุนจากกระแส Decarbonization ในระยะยาว


ผู้บริหารยังคง Guidance รายได้รวมในปี 2566 ที่ระดับ 41,300 ล้านบาท (+50% YoY) โดยการเติบโตของรายได้จะได้แรงหนุนจาก 1) รายได้ของธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น YoY จากการปรับปรุงประสิทธิภาพโครงการที่มีอยู่เดิม 2) การส่งมอบรถ EV รวม ที่สูงขึ้น YoY (วางเป้าหมายการส่งมอบในปี 2566 ที่ 3,000 คัน เทียบกับปี 2565 ที่ส่งมอบ EV รวม 1,160 คัน) และ 3) การเพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงในกลุ่มธุรกิจไบโอดีเซล (เช่น Green Diesel และ Bio-PCM)


ในระยะยาวบริษัทฯ มองว่าความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไบโอดีเซลเช่น Green Diesel, Bio-PCM และ Bio-Jet Fuel มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามกระแส Decarbonization ของภาคการขนส่ง โดยบริษัทฯ ให้ข้อมูลว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Green Diesel จะมีคุณสมบัติใกล้เคียง กับน้ำมันดีเซล Euro 5 และมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ต่ำกว่า (ในปัจจุบันความต้องการยังไม่สูงเพราะยังมีราคาแพงและยังไม่มีการควบคุมการปล่อยคาร์บอนจากภาครัฐ) ขณะที่การเติบโตของความต้องการใช้ Bio-PCM คาดที่ระดับ 13% CAGR ระหว่างปี 2566-2573 จากการเริ่มทำตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก สหรัฐฯ และยุโรป ในส่วนของการเติบโตของความต้องการใช้ Bio-Jet Fuel บริษัทฯ คาดที่ระดับ 6%CAGR ระหว่างปี 2566-2573 จากความพยายามในการลด Carbon Footprint ของอุตสาหกรรมการบินระหว่างประเทศ

สำหรับธุรกิจ EV: ปัจจุบันบริษัทฯ เริ่มมีลูกค้าที่อยู่นอกกลุ่มฯ ให้ความสนใจซื้อ EV Bus แล้ว โดยคาดจะเริ่มเห็นการส่งมอบในช่วงต้นปี 2567 เป็นต้นไป นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนปรับสายการผลิตรถ EV Bus ให้สามารถผลิตรถในกลุ่ม EV Truck ได้ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการขายรถ EV ของบริษัทฯ ที่จะหันมาให้ความสำคัญกับการขายรถ EV Truck มากขึ้น (มีความต้องการสูงกว่ารถ EV Bus และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ใกล้เคียงกัน) โดยบริษัทฯ คาดหวังส่วนแบ่งการตลาดราว 5% ของตลาด EV เชิงพาณิชย์


บริษัทฯ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะ (WTE) กำลังผลิต 9 MW ในจังหวัดภูเก็ต โดยจะได้รับอัตราค่าไฟฟ้าราว 5.70 บาท/หน่วย มีกำหนด COD ภายในช่วง 3 ปีข้างหน้า ใช้เงินลงทุนราว 1,500-2,000 ล้านบาท แม้การลงทุนดังกล่าวจะยังไม่มีนัยสำคัญต่อประมาณการ แต่เป็นก้าวแรกของบริษัทฯ ในการเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้า WTE ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่น


ผู้บริหารให้ข้อมูลว่ากระแสงินสดจากการดำเนินงานจะยังคงติดลบต่อเนื่องไปจนถึง 4Q66 เนื่องจากยังมีการส่งมอบรถ EV Bus ให้กับกลุ่ม Thai Smile Bus ในระดับใกล้เคียงกับช่วง 1H66 แต่จะพลิกกลับเป็นบวกใน 1Q67 หลังบริษัทฯ เริ่มขายรถ EV Bus และ EV Truck ให้กับลูกค้ากลุ่มอื่นมากขึ้น คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 80 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ "ซื้อ"

บล.ดาโอ มองว่า คาดการณ์ปี 2023 รายได้โตได้ถึง 50% หนุนหลักจากธุรกิจ EV และ Power บล.ดาโอ คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 80 บาท อิง SOTP โดยคิดเป็น PER ที่ 33 เท่า หรือ -0.4 below 5-yr average PER) บล.ดาโอมีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้( 21 ก.ย.) โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ 1) ธุรกิจหลักที่หนุนรายได้รวมในปี 2023E ยังเป็นธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจ EV และ Battery โดยคาดรายได้รวมโต +50%YoY 2) จากที่บริษัทได้ award โรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มอีก 90MW ทำให้บริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมที่ 754 MW 3) โครงการ Waste management จัดตั้งศูนย์กำจัดขยะเพื่อลดมลพิษที่เกาะล้น เมืองพัทยา คาดจะ COD ได้ภายในสิ้นปี 2024E 4) แจ้งการลงนามโครงการ Waste to energy (WTE) ที่เกาะภูเก็ต เพื่อกำจัดขยะและเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้ คาดกำลังการผลิตที่ 9 MW


คงประมาณการกำไรปี 2023E/24E ที่ 9.1/9.5 พันล้านบาท โต +19%/+5% YoY จากที่ guideline ยังคงใกล้เคียงกับประมาณการที่เราคาดไว้ ทั้งนี้สำหรับธุรกิจ Waste management ที่คาด COD ใน 2024E รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานลม 90MW และ WTE ที่คาดจะ COD ภายใน 2-3 ปีจะเห็น contribution ตั้งแต่ปี 2025E เป็นต้นไป


ราคาหุ้น underperform SET ที่ -4%/-3% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา จากภาพรวมของความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตามจากปัจจัยราคาแบตเตอรี่ที่ลดลงจะสนับสนุน demand ของการใช้รถ EV ที่มากขึ้น ทั้งนี้เรายังแนะนำ "ซื้อ"จาก valuation ที่ปัจจุบันเทรดอยู่ในระดับที่ต่ำเทียบกับผลการดำเนินงาน 2023E คิดเป็น PER ที่ 23x เทียบกับ 5-yr avg. ที่ 36x คงราคาเป้าหมายเดิมที่ 80  บาท

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส คาดกระแสเงินสดจากการดำเนินงานยังติดลบต่อในครึ่งปีหลัง บล.ดีบีเอสฯ ระบุว่า ผลประกอบการ 1H23 แข็งแกร่ง หนุนโดยธุรกิจ EV โดยรายได้ธุรกิจนี้โต 64% และกำไรขั้นต้นเพิ่ม 82% เป็น 6.39 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้น 80% มาจากธุรกิจไฟฟ้า (ลมและแสงอาทิตย์) ผู้บริหารมั่นใจว่าปีนี้จะทำกำไรขั้นต้นแตะ 10 พันล้านบาท หนุนโดยรายได้จากรถ EV และ ธุรกิจ EV มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง หนุนโดยราคาแบตเตอรี่ EV อยู่ในทิศทางขาลง


ตั้งเป้าขยายกำลังผลิตแบตเตอรี่เป็น 2 GWh ในต้นปี 2024F และเป็น 4 GWh ในสิ้นปี 2024F ใช้เงินลงทุน 2.0-2.5 พันล้านบาทต่อ 1GWh

ตั้งเป้าหมายยอดขาย EV ประมาณ 1,500 คันใน 2H23F (จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีนี้ที่ 3,000 คัน)

ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลใหม่ลดค่า Ft งวดก.ย.-ธ.ค.23 ลงโดยคาดว่าจะทำให้รายได้ธุรกิจไฟฟ้าบริษัทลดลง 152 ล้านบาท และ 164 ล้านบาทใน 3Q-4Q23F


คาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานยังคงติดลบต่อใน 2H23F บริษัทต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนจำนวนมาก และต้องใช้เงินลงทุนราว 11 พันล้านบาทในปี 23F เพื่อขยายธุรกิจ EV ตามแผน

คงคำแนะนำ Fully Valued ราคาพื้นฐาน 46 บาท ทั้งนี้ แม้ว่าธุรกิจ EV จะมีแนวโน้มเติบโตดี แต่เรายังกังวลกับลูกหนี้การค้าที่สูง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ติดลบ และความต้องการใช้เงินลงทุนอีกมากของบริษัท




รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X