#PTG #ทันหุ้น PTG คาดยอดขายไตรมาส 4 ทุบสถิติรับอานิสงส์ไฮซีซั่น และค่าการตลาดน้ำมันฟื้นตัว มั่นใจธุรกิจก๊าซ LPG และกาแฟพันธุ์ไทย เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากยอดสมาชิกบัตรเพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้ารุก Non-Oil ต่อเนื่อง รวมถึงลงทุนพลังงานทางเลือกรับฐานลูกค้ารถEVขยายตัวแรง
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 คาดว่ายอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจน้ำมัน และเป็นฤดูกาลของการเดินทางท่องเที่ยวและเก็บเกี่ยวผลผลิตทำให้มีปริมาณความต้องการใช้กลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้มีปริมาณขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับค่าการตลาดน้ำมันที่มีการฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตร
*ฐานสมาชิกเพิ่ม
ในส่วนของธุรกิจก๊าซ LPG และกาแฟพันธุ์ไทยคาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากการขยายสาขา เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และการกลับมาใช้ซ้ำอย่างต่อเนื่องของสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus โดยปัจจุบันมีมากกว่า 20 ล้านสมาชิก และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงธุรกิจพลังงานทางเลือก เช่น จุดชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า Elex by EGAT Max ที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อครอบคลุมเส้นทางในกรุงเทพฯ และเส้นทางหลักทั่วประเทศมากขึ้น
สำหรับภาพรวมบริษัทยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายน้ำมันทั้งปีไว้ที่ระดับ 10-15% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวภายหลังจากการคลี่คลายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมถึงการประกาศใช้นโยบายฟรีวีซ่าของภาครัฐ อีกทั้งบริษัทได้มีการขยายจำนวนและปรับปรุงสถานีบริการเข้าในพื้นที่ที่มีศักยภาพ และมีการเข้าใช้บริการซ้ำของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทยังคงวางเป้าการขยายสถานีบริการไว้เท่าเดิมคือจำนวน 2,206 สถานีบริการในปี 2566 และคาดว่าธุรกิจ Non-Oilปีนี้จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว โดยวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ Non-Oil ไว้ที่ 50-60%ถือว่ายังอยู่ในระดับสูง ขณะที่สัดส่วนกำไรขั้นต้นยังคงเดิมที่ระดับ 20-30%
*เน้นขยายฐานEV
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทได้ลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะเพื่อชุมชนอำเภอบ้านพรุ จังหวัดสงขลา ซึ่งขณะนี้ได้รับสัญญาซื้อขายไฟเรียบร้อยแล้วและอยู่ในช่วงเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้าง โดยคาดว่าอีกจะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับบริษัทในปี 2568 และในอนาคต โดยยังเตรียมลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกมากขึ้นเห็นได้จากการเติบโตของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า(EV)
โดยยอดสะสมยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนเฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมีจำนวนกว่า 57,000 คัน (เพิ่มขึ้นกว่า 500% เทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า) บริษัทจึงเล็งเห็นความสำคัญในกลุ่มที่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก และได้ขยายจุดชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า Elex by EGAT Max ที่ได้ร่วมกับ กฟผ.อย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าในปีนี้จะมี 62 จุดชาร์จเพื่อครอบคลุมเส้นทางหลักทั่วประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 47,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือนปี 2566 มีกำไรสุทธิ 424 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 149,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน เป็น 139,360 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน 9เดือนแรกผ่านทุกช่องทางเติบโต 12.9% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน เป็น 4,414 ล้านลิตร ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เติบโต 52%เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน เป็น 9,926 ล้านบาท
โดยการเติบโตหลัก ๆ มาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้จำนวน 6,117 ล้านบาท เติบโต 55.5 %เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน จากปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ยังคงสร้างสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่องที่จำนวน 466 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 30.2%เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน สำหรับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 58.6% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม