#JKN #ทันหุ้น - บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีกำไรสุทธิ 19.75 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท ลดลง 77% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 84.94 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.12 บาท
สำหรับงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 141.23 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.15 บาท ลดลง 20% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 175.47 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.27 บาท
บริษัทชี้แจงว่า งวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมเท่ากับ 2,359.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปืก่อนเท่ากับ 742.07 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.88 ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทและบริษัทย่อยในแต่ละธุรกิจสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับรายได้ประเภทเดียวกันจากปีก่อนดังนี้ โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจของบริษัทยกเว้นธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และ รายได้อื่น (1) รายได้ค่าสิทธิจากธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิรายการ เพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 38.42 (2) รายได้จากการให้บริการจากธุรกิจบริการโฆษณา เพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 2.57 (3) รายได้จากการขายจากธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลดลงเท่ากับร้อยละ 24.12 และในขณะที่ (4) รายได้จากการบริหารจัดการลิขสิทธิขององค์กรนางงามจักรวาลเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 100.00 (5) รายได้อื่นลดลงเท่ากับร้อยละ 45.60
กำไรสุทธิ
สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 115.47 ล้านบาทซึ่งลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 36.20 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.87 ซึ่งเป็นจากค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้นแม้ว่าด้านรายได้มีการเติบโตขึ้นเกือบทุกด้าน ส่วนต้นทุนบริการของธุรกิจการขายและให้บริการจัดการสิทธิ์ของมิสยูนิเวิร์สมีผลขาดทุนเนื่องจากเป็นการจัดงานครั้งแรก และ ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากเหตุผลที่กล่าวจึงส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ปรับตัวลดลงเป็นร้อยละ 4.89 จากร้อยละ 9.38 ในปี 2565และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเมื่อเทียบกับรายได้รวมสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 22.59 จากร้อยละ 19.43 ในปี 2565
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในส่วนการขายและให้บริการจัดการสิทธิของมิสยูนิเวิร์ส บริษัทได้มีการทำสัญญากับคู่สัญญาในธุรกิจหลากหลายด้านที่เกี่ยวเนื่องกับ MUO ณ 30 กันยายน 2566โดยบริษัทได้มีการทยอยรับเงินตามงวดในสัญญาไว้แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทได้บันทึกการรับเงินตามงวดรายการของสัญญาเหล่านั้นภายใต้หัวข้อ "รายได้รอตัดบัญชี" (ตามรายงานผู้สอบบัญชี) จำนวน 251 ล้านบาท โดยจำนวนดังกล่าวจะมีการรับรู้เป็นรายได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2566
สำหรับกำไรสุทธิต่อหุ้นได้มีการแสดงกำไรสุทธิต่อหุ้นปรับลดไว้ในกรณีที่เป็นข้อมูลเปรียบเทียบหากผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพจะใช้สิทธิในการแปลงสภาพ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างราคาใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพกับมูลค่ายุติธรรมของหุ้นสามัญของบริษัทจะพบว่ามูลค่ายุติธรรมต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ (อ้างอิงจากราคาปิดของหุ้นบริษัท ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 อยู่ที่ 1.13 บาทต่อหุ้น ในขณะที่ราคาใช้สิทธิอยู่ที่ประมาณ 6.2316บาทต่อหุ้น) ซึ่งความต่างของราคามีผลต่อโอกาสที่จะเกิดการแปลงสภาพหุ้นกู้ดังกล่าว
ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ลดลงจากปีก่อนเป็นจำนวน 40.43 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลงร้อยละ 33.42 เนื่องจากบริษัทมีการพิจารณาควบคุมการใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีจำนวน 452.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 259.36 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 134.23 สาเหตุหลักเนื่องมาจากการที่บริษัทได้ทำการเข้าซื้อกิจการองค์กรมิสยูนิเวิร์สในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ซึ่งมีผลต่อค่าใช้จ่ายในการบริหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือในส่วนของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานและค่าที่ปรึกษา เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นการทำธุรกิจจึงมีความจำเป็นในการที่ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านต่างๆ เช่น ทีมที่ปรึกษาในการดูเรื่องสัญญาต่างๆ ที่ปรึกษาในการเรื่องระบบการทำงาน เป็นต้น ประกอบกับผลของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาทำให้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศด้วย
ค่าใช้จ่ายทางการเงิน
สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายทางการเงินเท่ากับ 266.30 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 29.12 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.28 โดยสอดคล้องในทิศทางเดียวกันกับการเพิ่มขึ้นของบัญชีหุ้นกู้ เงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวจากสถาบันการเงินเพื่อใช้ในการซื้อลิขสิทธิรายการและลงทุนในธุรกิจใหม่ในระหว่างปี 2565
ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้
สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เท่ากับ 51.74 ล้านบาทลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 0.04 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลงร้อยละ 0.08 โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานในบริษัทย่อยที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งอยู่ในช่วงที่บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการปรับโครงสร้างการบริหารให้เหมาะสม จึงทำให้เกิดผลในการตั้งภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลในทางบัญชี ซึ่งคาดว่าจะจำนวนภาษีดังกล่าวจะเป็นภาระที่เกิดขึ้นชั่วคราวในระหว่างการปรับโครงสร้างบริหารงานดังกล่าว
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม