ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ ธุรกิจกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ร้านสะดวกซื้อ และการบริหารจัดการพื้นที่
ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 66 มีกำไรสุทธิ 5,169 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.43 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 700 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.06 บาท
ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิ 10,901 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.91 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11,113 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.93 บาท
OR รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 5,169.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 637.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 701 ล้านบาท ส่งผลงวด 9 เดือนปี 66 มีกำไรสุทธิ 10,901 ล้านบาท ลดลง 1.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11,114ล้านบาท
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงาน 9เดือนที่ผ่านมาของปี 66 มีรายได้ขายและบริการ 576,682 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 10,901 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 213 ล้านบาท หรือลดลง 1.9% จากรายได้ขายและบริการและ EBITDA ที่ลดลง โดยหลักเป็นผลมาจากราคาจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงโดยเฉลี่ยตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีระดับต่ำกว่ารวมทั้งมีความผันผวนน้อยกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะมีปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของทั้งประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
ทั้งนี้ ยังคงสามารถรักษาการเป็นผู้นำตลาดน้ำมันและผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants เป็นอันดับหนึ่งในประเทศ และยังคงมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแรงของธุรกิจหลัก (Core Business) เพื่อเป็นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต โดยกลุ่มธุรกิจ Mobility มีความหลากหลาย ไม่ได้มีเพียงการขายปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น เท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจด้านพลังงานอื่นๆ ในกลุ่ม Energy Solution ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายน้ำมันอากาศยานที่เติบโตกว่า 60% เมื่อเทียบกับช่วง 9เดือนของปีก่อน หรือกว่า 80% เมื่อเทียบกับก่อนสถานการณ์ COVID-19 โดยมีแนวโน้มเติบโตดีจากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
การจำหน่ายน้ำมันเชิงพาณิชย์ ก๊าซหุงต้ม น้ำมันหล่อลื่น และผลิตภัณฑ์พิเศษ เช่น ยางมะตอย เป็นต้น เช่นเดียวกับ ธุรกิจ Lifestyle ก็เติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งปริมาณการจำหน่ายของ Café Amazon เพิ่มขึ้นกว่า 3%และยังสามารถรักษาระดับ EBITDA Margin ได้ในระดับกว่า 25% ถือว่าเป็นธุรกิจที่ยังแข็งแกร่ง และยังมีโอกาสทางธุรกิจอยู่อีกมาก
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของ OR ในไตรมาสที่ 4/66มีปัจจัยที่อาจส่งผลการดำเนินการได้แก่ สภาพเศรษฐกิจ ทั้งจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง และการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดย OR ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น Flagship Station ต้นแบบสถานีบริการในอนาคตที่ครบครันทั้งด้านบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและทุกไลฟ์สไตล์ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการผลักดันการสร้างยอดขาย และกำไรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม Energy Solution
อีกทั้งยังคงมุ่งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์ อาทิ ด้านสุขภาพและความงาม (Health & Beauty) ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ และด้านการท่องเที่ยว (Tourism)
สำหรับด้านต่างประเทศ OR มุ่งเป้าเพิ่มสัดส่วน EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ Global เป็น 15% ในปี 70 โดยมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ และเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ ได้วางกลยุทธ์ให้ประเทศกัมพูชาซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากเป็นบ้านหลังที่ 2
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 18.00 กลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 20.00 แต่เราคาดว่า น่าจะมีแรงขายทำกำไรลงมาทดสอบแนวรับที่ 19.00 โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 20.60 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 22.00
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม