20 พฤศจิกายน 2023 เวลา 07:00 น.
-วันจันทร์ติดตามธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Loan Prime Rate) ระยะ 1 ปี และ 5 ปี ตลาดคาดธนาคารกลางจีนจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่อัตราเดิม และการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะ 3 เดือนและ 6 เดือน โดยอัตราดอกเบี้ยจากการประมูลในรอบที่แล้วอยู่ที่ระดับ 5.285% และ 5.27% ตามลำดับ
วันอังคาร ติดตามตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง (Existing home sales) เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 3.93 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.96 ล้านยูนิต ต่อด้วยประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) นาง Christine Lagarde มีกำหนดให้สัมภาษณ์ที่ Berlin และบันทึกผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC minutes) ในช่วงข้ามคืน
วันพุธ ติดตามตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนสหรัฐ (Durable goods orders) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดปรับตัวลดลง 3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 4.7% MoM และตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนสหรัฐที่ไม่รวมยานยนต์ (Core durable goods orders) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดปรับตัวลดลง 0.3%MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 0.5% MoM ปิดท้ายด้วยช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ (University of Michigan - UOM) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 60.4 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 63.8
วันพฤหัสฯติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเบื้องต้น (Flash manufacturing PMI) ของยุโรป สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 43.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 43.1 ขณะที่ด้านญี่ปุ่นเป็นช่วงวันหยุดธนาคารเนื่องในโอกาสวันขอบคุณแรงงานหรือ Labor Thanksgiving Day และฝั่งสหรัฐเป็นช่วงวันหยุดธนาคารเนื่องในโอกาสวันขอบคุณพระเจ้าหรือ Thanksgiving Day
วันศุกร์ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (German fo business climate) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 87.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 86.9 และตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเบื้องต้น (Flash manufacturing PMI) ของสหรัฐ สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 50 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย : KS เราประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,390-1,425 จุด คาดเคลื่อนไหวออกด้านข้าง หลังตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มทรงตัว จากการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาราว 8% เป็นผลมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี ปรับตัวลดลงจากระดับ 5% มาเคลื่อนไหวที่ 4.5% +/- และตลาดคาดว่าเฟดน่าจะจบรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตลาดหุ้นไทยเองได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปีที่ปรับลดลงเช่นกัน และได้รับแรงหนุนจากการจัดตั้งกองทุน ESG หุ้นไทยเพื่อให้ผู้มีเงินได้ลดหย่อนภาษีได้เพิ่มเติม 100,000 บาท กลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นในกลุ่มที่มี ESG Rating ที่ดี ซึ่งจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนดังกล่าวที่จะ IPO ในเดือน ธ.ค.
Top pick: ADVANC (ราคาพื้นฐาน 240.57 บาท) หุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอที่อัตราราว 3-4% เป็นหนึ่งในหุ้น Blue chip ที่น่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนลดหย่อนภาษี ESG หุ้นไทยปลายปีนี้ ซึ่งบริษัทได้รับ SET ESG Rating ปี 2566 ระดับ AAA นอกจากนี้ธุรกรรมซื้อและขาย TTTBB และ JASIF ระหว่าง JAS และ ADVANC เสร็จสมบูรณ์แล้วด้วยมูลค่าปรับปรุงที่ 2.837 หมื่นล้านบาท (3.242 หมื่นล้านบาทก่อนหน้านี้)
CPALL (ราคาพื้นฐาน 78.00 บาท) หุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เป็นหนึ่งในหุ้น Blue chip ที่น่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนลดหย่อนภาษี ESG หุ้นไทยปลายปีนี้ ซึ่งบริษัทได้รับ SET ESG Rating ปี 2566 ระดับ AAA โดยบริษัทรายงานกำไรไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท (+20.3% YoY และ -0.3% QoQ) จากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่สูงกว่าคาด 10bps และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้ต่ำกว่าคาด 10bps ในไตรมาส 3 มีร้าน CVS เปิดใหม่ 176 แห่งส่งผลมีเครือข่ายร้านรวมเป็น 14,391 แห่งทั่วประเทศ คาดการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 จะปรับดีขึ้นต่อเนื่อง YoY และ QoQ ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและเป็นช่วงไฮซีซันของการเดินทางและการจับจ่ายใช้สอย และปีหน้าจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม