ส่อง "กลุ่มแบงก์" ราคาน่าสน BBL-KBANK น่าสอย?

#ทันหุ้น - บล.แลนด์ แอน เฮ้าส์ มองกลุ่มแบงก์ยังน่าสนใจในแง่ valuation โดยกำไรทั้งปี66 ยังโต 18% YoY รับผลบวกจำก NIM สูงหนุนนำโดย BBL+42% และ TTB +30% คาด GDP ปีนี้ยังโตราว 2.5-3% ปัจจัยผลักดันมาจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน ขณะดอกเบี้ยน่าจะทรงตัว แต่มีโอกาสที่จะปรับลงช่วงปลายปีหลังกนง.เสียงแตก ด้านปี 67 ยังได้รับผลบวกจาก NIM ที่ยังคงอยู่ระดับสูงหนุนรายได้ดอกเบี้ย + สำรองน้อยกว่าปีก่อน ขณะการขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางดิจิทัลช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้เสริม ให้น้ำหนักลงทุน neutral เพราะยังคงโตได้ แต่ยังมีปัจจัยลบรุมเร้า Tops Picks เลือก BBL และ KBANK

ประเด็นการลงทุน

กลุ่มธนาคารยังมีกำไรทั้งปี 66 โต 18% หนี้เสีย+สำรองยังรุมเร้า ทั้งนี้กำไรทั้งปี 66 ของกลุ่มธนาคาร 7 แห่งที่อยู่ในการวิเคราะห์ของฝ่ายวิจัย ยังโตขึ้น 18% YoY ผลจาก NIM ที่เพิ่มขึ้นสูงตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยช่วยดันรายได้ดอกเบี้ยสุทธิแม้มีค่าใช้จ่ายดำเนินงานและตั้งสำรองสูงก็ตาม โดยธนาคารที่มีผลประกอบการโดดเด่น ได้แก่ BBL รองลงมาเป็น TTB ทั้งนี้ TTB ยังมีปัจจัยหนุนกำไรปีนี้จาก tax shield ที่มีมากกว่า 1.55 หมื่นลบ. คาดช่วย

ภาพเศรษฐกิจปี 67 คาดยังโต 2.5-3% บนดอกเบี้ยนโยบายที่มีโอกาสปรับลดลงได้สิ้นปีนี้ ล่าสุดธปท.ยอมรับเศรษฐกิจ Q4/66 ขยายตัวต่ำคาด คาดปี 66 ขยายตัวต่ำกว่าคาดเดิมอยู่ที่ 2.4% และออกมาปรับลดประมาณการ GDP ปี 67 เหลือโต 2.5-3% ไม่รวมมาตรการรัฐ ขณะที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ย เดิมมองว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ถึงสิ้นปีนี้ แต่การประชุมกนง.ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้คาดว่ามีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสที่จะปรับลดลงช่วงปลายปีนี้ได้ หลังกนงมีมติ 5:2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% เริ่มมีกรรมการ 2 ท่านเห็นต่างว่าควรจะลดดอกเบี้ยหลังมองภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

NIM ปี 67 แม้ดอกเบี้ยมีโอกำสลง แต่คาดว่ายังอยู่ในระดับสูงดีต่อรายได้ดอกเบี้ย แม้ดอกเบี้ยขาขึ้นหยุดลงแล้วและมีโอกาสปรับลดลงในช่วงท้ายปีแต่ดอกเบี้ยรับที่ยังอยู่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงเต็มปีบวกกับการบริหารจัดการต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายเป็นอย่างดี ทำให้คาดปีนี้ NIM จะยังทรงตัวระดับสูง ช่วยหนุนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารขนาดใหญ่ในปีนี้ยังเติบโตได้ โดยฝ่ายวิจัยคาด NIM ทั้งกลุ่มธนาคารปีนี้ จะอยู่ที่ 3.5% ใกล้เคียงปีก่อน

สำรองปี 67 ที่คาดจะต่ำลงจากปีก่อน ประกอบกับภาพเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวทั่วถึงมากขึ้นทำให้คาดปีนี้กำไรยังโตได้12.5% YoY ปี 66 ที่ผ่านมา การฟื้นตัวไม่ทั่วถึงของภาคเศรษฐกิจ รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้กลุ่มธนาคารยังประสบปัญหาด้านคุณภาพสินทรัพย์ ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ มีปัญหาขาดทุนจากการยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ส่งผลให้มีสำรองสูงมากปีก่อน และต่อเนื่องถึงปีนี้ แต่คาดจะลดลงจากปีก่อน ผลจากการเฝ้าระวังและติดตามลูกหนี้อย่างใกล้ชิด ประกอบกับภาพเศรษฐกิจที่น่าจะฟื้นตัวทั่วถึงมากขึ้นในปีนี้ งบลงทุนภาครัฐน่าจะเพิ่มขึ้นหลังผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี ขณะภาคการบริโภค รวมถึงภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขี้นมาก น่าจะหนุนการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้ และดีต่อธุรกิจธนาคาร

คำแนะนำ-หุ้นเด่น

แนะนำ “Neutral” Top Picks คือ BBL และ KBANK มองการเติบโตของสินเชื่ออาจไม่ได้มากจากภาพเศรษฐกิจที่มีผลกระทบจากปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่จากงบใช้จ่ายและลงทุนจากภาครัฐน่าจะเข้ามาช่วยหนุน นอกจากนี้เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์จะใช้ช่องทางขายผ่านดิจิทัลมากขึ้นช่วยลด cost to serve เพิ่ม cross selling ประกอบกับ NIM ที่คาดว่าจะคงในระดับสูงยังช่วยให้รายได้ดอกเบี้ยยังเติบโตได้ รวมถึงการตั้งสำรองในระดับสูง แต่คาดว่าน้อยกว่าปีก่อน ยังช่วยหนุนให้กำไรกลุ่มธนาคารปี 67 กลับมาเติบโตจากปีก่อนได้ยังให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารที่ Neutral จากภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวแต่ยังคงมีปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังต้องดูแลใกล้ชิด

โดย Top Picks เลือก BBL (TP:190.-) เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จาก NIM ที่ยังอยู่ในระดับสูงปีนี้ + คาดผลประกอบการของกิจการในต่างประเทศยังโตดีช่วยหนุน + coverage ratio สูงสุดรับความเสี่ยงปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ได้อีกมาก

KBANK (TP:150.-) เดินหน้ายุทธศาสตร์ 3+1 สร้างสินเชื่อมีคุณภาพ ขยายรายได้ค่าธรรมเนียม เพิ่มช่องทางขายผ่านดิจิทัล โดยใช้เทคโนโลยี ข้อมูล รวมถึงบุคคลากรของธนาคาร คาดทำให้ปีนี้มีกำไรที่โตขึ้น บวกกับราคาหุ้นยังถูกมาก