เคาะ PTTGC

#ทันหุ้น - PTTGC รายงานกำไรสุทธิปี 66 เท่ากับ 999 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุน 8.75 พันล้านบาท โดยราคาขายกลุ่มปิโตร ลดลงทุกผลิตภัณฑ์ จากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้นตัว และฐานที่สูงในปี 65 ที่สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ด้านปริมาณขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานครั้งใหญ่เหมือนปี 65 ทั้งนี้ Adjusted EBITDA (ไม่รวมผลกระทบจากมูลค่าสต๊อกน้ำมัน กำไร/ขาดทุนจาก Hedging และรายการพิเศษ) เท่ากับ 4 หมื่นล้านบาท -19%YoY คิดเป็น Margin ที่ 6% ลดลงจากปี 65 ที่ 7% ตามทิศทาง Spreadที่ปรับตัวลงโดยเฉพาะกลุ่มปิโตรขั้นกลาง (Adjusted EBITDA Margin ปี 66 เท่า -1% จากปี 65 ที่ +6%) และโพลิเมอร์ ที่ได้รับผลกระทบจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาเป็นจำนวนมากในปี 66 รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ในแง่ของสถานะทางการเงินยังแข็งแกร่ง มี Net IBD/E สิ้นปี 66 เท่ากับ 0.82x ลดลงจากปีก่อนที่ 0.9x

ผู้บริหารให้แนวโน้มตลาดและธุรกิจในปี 67 ดังนี้ 1. ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ย 75-85 $/บาร์เรล ยังมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับสูง ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง 2. ราคาพลังงาน และ Spread จะอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากปี 66 โดยของน้ำมันดีเซล-น้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยที่ 15-19 $/บาร์เรล, น้ำมันเตากำมะถันต่ำกับน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยที่ 9-12 $/บาร์เรล, น้ำมันแก๊ซโซลีนกับน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยที่ 14-18 $/บาร์เรล, พาราไซลีนกับแนฟทา อยู่ที่ 370-390 $/ตัน ส่วนเบนซีนกับแนฟทา ทรงตัว YoY ที่ 240-260 $/ตัน 3. ประเมิน 2H/67 เศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่ต่อเนื่อง หนุนให้ตลาดเบนซีนยังทรงตัวในระดับสูง 3. อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นอยู่ที่ 101% และโรงโนเมติกส์ที่ 94%

ในเชิงกลยุทธ์ เริ่มเห็นตลาดปรับน้ำหนักการลงทุนที่เป็นบวกมากขึ้น หลังราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ได้สะท้อนประเด็นผลประกอบการที่ไม่สดใส และการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯใหม่ของไทย ไปพอสมควรแล้ว มองว่ายังมีปัจจัยบวกรออยู่อย่างการจ่ายปันผลที่ 0.75 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Div.yield ที่ 2% ขึ้น XD 23 ก.พ., Sentiment เชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน และ Market GRM ที่ดีขึ้นในงวด 1Q/67 ซึ่งค่าเฉลี่ยล่าสุดเท่ากับ 8.05 $/บาร์เรล เทียบกับ 4Q/66 ที่เฉลี่ย 5.46 $/บาร์เรล ขณะที่ Valuation ปัจจุบันน่าสนใจ ซื้อขายบน P/BV ที่ 0.56xต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี (0.93x) – 1.25 SD โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 39.75 บาท

แนะนำ “เคาะ” ครับ ทางด้านปัจจัยเทคนิค ระยะสั้นการเรียงตัวแท่งเทียนหรือการแกว่งตัวแท่งเทียนขึ้นตามกันกับ SMA 5 วันและSMA 13 วัน ที่ทำหน้าที่เส้นแนวรับหลัก หรือแกว่งตัวขึ้นรูปแบบ V-Shape ขนาดใหญ่ กรอบแนวรับ 35.75-35.25 เป็นจุดพิจารณารูปแบบ แนวต้านระหว่างวัน 37.00 ผ่านยืนและมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณซื้อขาขึ้นต่อเนื่อง แนวต้านจุดทดสอบหรือจบรูปแบบจุดสูงเดิม 41.00

คำแนะนำของ ASL

กรณี “มีหุ้น” ถือหรือซื้อเล่นรอบ ลุ้นทดสอบแนวต้าน 37/39/41

กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 35.75-35.25 ไม่ควรต่ำกว่า