#CPN #ทันหุ้น - บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ 4,154.17 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.93 บาท เพิ่มขึ้น 27.98% เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 3,245.89 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.73 บาท
บริษัทชี้แจงว่า ในไตรมาส 1 ปี 2567 การบริโภคภาคเอกชนของไทยถูกขับเคลื่อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า พร้อมทั้งมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น โครงการ Easy E-Receipt อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคจะปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดในไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ 55.2 แต่ก็มีแน้วโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และความชัดเจนในมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) คาดว่าเศรษฐกิจไทย (GDP) จะเติบโตที่ร้อยละ 2.2-3.2 ในปี 2567 โดยหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชนและการฟื้นตัวต่อเนื่อของภาคการท่องเที่ยว และคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนในปี 2567 จะเติบโตได้ร้อยละ 3 จากการฟื้นตัวของตลาดแรงงานและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP จากร้อยละ 2.8 เหลือ 2.4 โดยเป็นผลจากการส่งออกที่น้อยกว่าคาดในไตรมาสที่ 1 แต่ยังคงคาดว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐและการท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน
ในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ("บริษัทฯ") มีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญในทุกๆ กลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่พักอาศัยที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากไตรมาส 1 ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้ค่าเช่าและบริการเติบโตร้อยละ 10 จากปีก่อนหน้า จาก 1) พื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้นจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์ วิลล์ และเซ็นทรัล นครสวรรค์ 2) ยอดขายร้านค้าของผู้เช่าที่สูงขึ้น และ 3) การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมในพื้นที่ส่วนกลาง แม้ว่าค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยสัญญาเช่าจะเพิ่มขึ้นจากการต่อสัญญาที่ดินโครงการเซ็นทรัล ปีนเกล้า แต่อัตราค่าไฟลดลงจากปีก่อนหน้า (จากหน่วยละ 5.33 บาท เหลือ 4.18 บาท) ส่งผลให้บริษัทฯ รายงานรายได้รวมไตรมาส 1 ที่ 12,234 ล้านบาท และกำไรที่ 4,154 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 19 และร้อยละ 28 จากปีก่อนหน้า ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมลดลงร้อยละ 7 ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เนื่องจากในไตรมาส 4 จะมียอดขายร้านค้าและต้นทุนการดำเนินการและการตลาดสูงกว่าไตรมาสอื่นจากกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเทศกาล หากไม่นับรวมผลกระทบทางบัญชี ในรายได้จากการลงทน 348 ล้านบาท (หลังหักภาษี และค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยสัญญาเช่าจากการต่อสัญญาที่ดินของเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ที่ 315 ล้านบาท (หลังหักภาษี) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ที่ 4,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากปีก่อนหน้า
สำหรับกิจกรรมทางธุรกิจที่สำคัญในไตรมาส 1 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการศูนย์การค้าต่างจังหวัดอีก 2 แห่ง คือ เซ็นทรัลนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม และเซ็นทรัล นครปฐม เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ต่อเนื่องจากความสำเร็จในการเปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าลำดับที่ 40 ในไตรมาส 4 ปี 2566 ภายในโครงการได้รับการออกแบบที่ผสมผสานกับอัตลักษณ์ท้องถิ่น พร้อมด้วยร้านค้าชั้นนำที่ครบครันในการตอบโจทย์ทุกกิจกรรม ทำให้อัตราการเช่า ณ วันเปิดศูนย์การค้ามากกว่าร้อยละ 70 นอกจากนี้ บริษัฯ ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมเอสเซ็นท์ นครสวรรค์ และนครปฐมในวันเดียวกับการเปิดตัวศูนย์การค้า โดยในไตรมาส 1 นี้ มีตัวเลขการจองซื้อค่อนข้างสูงจาก 2 โครงการข้างต้นและจากโครงการแนวราบบางแห่ง นอกจากนี้ บริษัฯ เปิดตัวโครงการบ้านนิรดา วงแหวน-เอกชัย ในเดือนมกราคม 2567 ซึ่งเป็นการเลื่อนเปิดจากเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 กองทรัสต์ CPNREIT ประสบความสำเร็จในเพิ่มทุนและต่อสัญญาโครงการเซ็นทรัล ปั่นเกล้า ตามแผนเรียบร้อยแล้ว โดย CPNREIT ได้ออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนทั้งหมด 1,053 ล้านหน่วย ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย 10.20 บาท ให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม และประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน 2567 ได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จตามที่คาดการณ์ไว้ และได้รับเงินเพิ่มทุนทั้งสิ้น 10,741 ล้านบาท รวมกับเงินกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินอีกบางส่วน นำไปลงทุนต่อสัญญาสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล ปั่นเกล้า อีก 15 ปี มูลค่าทั้งสิ้น 12,161 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษักฯ ในฐานะ Sponsor ได้ให้การสนับสนุนการเพิ่มทุนดังกล่าว ทำให้บริษัnฯ ถือสัดส่วนใน CPNREIT เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 39% จากเดิมที่ 30% ทั้งนี้ CPN REIT ได้ลงนามต่อสัญญาโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ต่อไปอีก 15 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 - วันที่ 31 ธันวาคม 2583 เรียบร้อยแล้วในวันเดียวกัน
ผลการดำเนินงาน
บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจหลัก 4 ประเภท ได้แก่
1) ธุรกิจให้เช่าและบริการ
2) ธุรกิจบริการศูนย์อาหาร
3) ธุรกิจโรงแรม และ
4) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัย
ซึ่งรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ได้โอนไปยังทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท ("CPNREIT") กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท ("CPNCG") และรวมถึงโครงการที่อยู่ภายใต้บริษัทแกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) ("GLAND") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเซ็นทรัลพัฒนา
โครงการภายใต้การบริหารของ CPN ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567
บริษัทฯ มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงาน 42 โครงการ (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 17 โครงการ ต่างจังหวัด 23 โครงการ ต่างประเทศ I โครงการ โครงการภายใต้กิจการร่วมค้า I โครงการ ) ศูนย์การค้าขนาดเล็กหรือคอมมูนิตี้มอลล์ 17 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตร.ม. อัตราการเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 92 ในไตรมาสก่อนหน้า มาเป็นร้อยละ 93 ในตรมาส 1 ปี 2567 จากการปรับตัวดีขึ้นในศูนย์เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ และศูนย์การค้าต่างจังหวัดบางแห่ง
ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า บริษัทฯ มีให้บริการทั้งหมด 10 อาคาร คิดเป็นพื้นที่ 314,569 ตร.ม และมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยร้อยละ 86 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ 88 จากการลดพื้นที่เช่าของผู้เช่าในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ออฟฟิศเศส ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการเจรจาหาผู้เช่ารายใหม่
ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีโรงแรมทั้งหมด 9 แห่ง รวม 1,481 ห้อง และมีอัตราการเข้าพักที่ร้อยละ 67 ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ 68 โดยลดลงตามฤดูการท่องเที่ยวจากแบรนด์ โก! โฮเทล และโรงแรมเซ็นทารา อุบล ส่วนโรงแรมอื่นๆ มีอัตราการเข้าพักที่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า
บริษัทฯ มีโครงการที่พักอาศัยเพื่อขายทั้งสิ้นรวม 36 โครงการ โดยเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการ คือ เอสเซ็นท์ นครสวรรค์ เอสเซ็นท์ นครปฐม และโครงการบ้าน 1 โคงการ คือ บ้านนิรดา วงแหวน-เอกชัย ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 27 โครงการ ประกอบด้วยโครงการแนวสูงงส่วนใหญ่เป็นรูปแบบคอนโดมิเนียมอยู่ติดศูนย์การค้า 14 โครงการ และโครงการแนวราบรวม 13 โครงการกิจกรรมด้านความยั่งยืน
บริษัทฯ เป็นส่วนหนึ่งของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์โลก หรือ ดีเจเอสไอ เวิลด์ ในส่วนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน อยู่ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ของตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน และอยู่ใน S&P Global Sustainability Yearbook เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันความเป็นผู้นำในการพัฒนาออย่างยั่งยืนของบริษัท ในระดับสากลได้เป็นอย่าดี โดยในปี 2566 บริษัnฯ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สูงสุดเป็นอันดับ 1 ระดับโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Top 1%S&P Global CSA Score) จากจำนวนทั้งหมด 299 บริษัททั่วโลก จากการประกาศผลของ S&P Global Sustainability Yearbook 2024
รายการที่มิได้เกิดขึ้นเป็นประจำ
ในไตรมาสที่ 1 บริษัทฯ บันทึกค่าเสื่อมและต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นผลกระทบจากการต่อสัญญาที่ดินของโครงการ ปิ่นเกล้า จำนวน 83 ล้านบาท และ 232 ล้านบาท (หลังภาษี) ตามลำดับ
ผลกระทบจากมาตรฐานรายงานทางการเงิน
บริษัทฯ ได้พิจารณาผลกระทบจากการปรับใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับใหม่ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ต่องบการเงินของบริษัทฯ โดยเฉพาะมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 16เรื่องสัญญาเช่า (TFRS16) ซึ่งอาจมีความแตกต่างจากผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง โดยสรุปผลกระทบจากนโยบายทางบัญชีดังกล่าวต่องบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2567 มี ดังนี้
ㆍ การปรับปรุงมูลค่าสัญญาเช่าเงินทุน บริษัทฯ มีการบันทึกลูกหนี้ที่เกิดจากการเข้าทำสัญญาเช่าเงินทุน (Financial lease) กับ CPNREIT ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2563 ซึ่งสะท้อนถึงมูลค่าปัจจุบัน (Present value) ณ วันที่เข้าทำรายการ และจะทยอยรับรู้การเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสัญญาดังกล่าวผ่านรายได้จากการลงทุนไปจนถึงปี 2568 ที่จะรับรู้กระแสเงินสดจริง โดยในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีการบันทึกรายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าเซ็นทรัล พระราม 2เป็น จำนวน 435 ล้านบาท และภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจำนวน 87 ล้านบาท
คำอธิบายและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน ไม่รวมผลกระทบจากรายการที่มิได้เกิดขึ้นเป็นประจำและจากมาตรฐาน TFRS16 ที่กล่าวไว้ก่อนหน้า ซึ่งเป็นข้อมูลที่บริษัฯ ได้ประมาณการณ์อย่างดีที่สุด เพื่อสะท้อนต่อผลการดำเนินงานตามความเป็นจริง และอาจมีความแตกต่างจากข้อมูลบนงบการเงินของบริษัท ซึ่งได้รับการตรวจสอบและ/หรือสอบทานแล้วโดยผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ฯ และส่วนลดค่าเช่าได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติในระดับช่วงก่อนโควิดแล้วตั้งแต่ในตรมาส 1 ปี 2566 ดังนั้นจะไม่รวมผลกระทบจาก TFRS16 ในส่วนของรายได้จากการเช่าและบริการตั้งแต่ ไตรมาส 1 ปี 2566 เป็นต้นไป
รายได้จากการดำเนินงาน
ในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 12,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากปีก่อน จากผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจศูนย์การค้า ศูนย์อาหาร และรายได้จากการโอนคอนโดมีเนียม รายได้จากธุรกิจโรงแรมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 จากปีก่อนหน้า โดยหลักเป็นการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพักและอัตราค่าห้องพักของโรงแรมฮิลตันพัทยา ส่วนอัตราการเข้าพักของโรงแรมอื่นๆ ก็มีการปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
1 . ธุรกิจให้เช่าและบริการ มีรายได้ 9,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 3 จากไตรมาส ก่อนเนื่องจากปัจจัยทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ในตรมาสนี้ยอดขายร้านค้าปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนหน้า สอดคล้องกับจำนวนผู้เข้าใช้บริการศูนย์การค้าที่ปรับตัวดีขึ้นโดยพื้นตัวกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด ส่งผลให้รายได้จากกิจกรรมการตลาดและค่าเช่าพื้นที่ส่วนกลางปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ การเปิดเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ในไตรมาส 4 ปี 2566 และเซ็นทรัล นครสวรรค์ ในไตรมาส 1 นี้ ทำให้บริษัทฯ มีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นขึ้นจากปีก่อนหน้า
2. ธุรกิจบริการศูนย์อาหาร มีรายได้ 249 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 3จากไตรมาสก่อน จากจำนวนผู้เข้าใช้บริการศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอดขายศูนย์อาหารฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับรายได้ค่าเช่าและบริการ
3. ธุรกิจโรงแรมมีรายได้ 491 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 จากปีก่อน และร้อยละ 9 จากไตรมาสก่อน อัตราการเข้าพักเฉลี่ยใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ 67 โดยมีอัตราค่าห้องพักรวมเฉลี่ย (ADR) ลดลงร้อยละ 18 จากปีก่อน และร้อยละ 1 จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก ADR ที่ต่ำกว่าของโรงแรมใหม่ที่เปิดให้บริการตั้งแต่กลางปี 2565 อย่างไรก็ตาม โรงแรมฮิลตัน พัทยา ยังคงเป็นโรงแรมที่สร้างรายได้หลักในธุรกิจโรงแรมของบริษัทฯ โดยมี RevPar สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากอัตราการเข้าพักที่ร้อยละ 95 และ ADR ที่ 9,225 บาท ในไตรมาส 1 นี้
4. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย มีรายได้ 1,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 95 จากปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าร้อยละ 40โดยในไตรมาส 1 ปี 2567 นี้ ยังเป็นการรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมที่มีการโอนต่อเนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดยรายได้จากคอนโดมิเนียมมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 80หลักๆ จากโครงการเอสเซ็นท์ วิลล์ อยุธยา เอสเซ็นท์ หาดใหญ่ และฟิล ภูเก็ต
5. รายได้อื่น รวม 529 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 71 จากปีก่อน และร้อยละ 121 จากไตรมาสก่อน โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการบริหารกองทุน CPNREIT ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการปรับตัวดีขึ้นของศูนย์การค้าในกองทุน C PNREIT และรายได้จากการลงทุนอื่นๆ
กำไรขั้นต้น
ในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 6,501 ล้านบาท ดีขึ้นร้อยละ 24 จากปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 9 จากไตรมาสก่อน อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 56 (ไม่รวมรายการผลกระทบจากการต่อสัญญาโครงการปั่นเกล้า) ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน (Iตรมาส 4 ปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 56 ไตรมาส 1 ปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 52) เนื่องจากรายได้ที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าสอดคล้องกับต้นทุนที่ลดลงเช่นกัน แต่เมื่อเทียบไตรมาส 1 ปี 2567กับไตรมาส 1 ปี 2566 อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับธุรกิจศูนย์การค้าจากต้นทุนค่าไฟที่ลดลง และธุรกิจที่พักอาศัยที่มีการโอนคอนโดมิเนียมในชั้นที่สูงขึ้น
กำไรจากการดำเนินการ
ในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษักฯ มีกำไรจากการดำเนินการ 5,034 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 33 จากปีก่อน และร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน และมีอัตรากำไรจากการดำเนินการหลักในไตรมาส 1 ปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 41 (ไม่รวมรายการผลกระทบจากการต่อสัญญาโครงการปีนเกล้า) (ไตรมาส 4 ปี 2566 และไตรมาส 1 ปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 37) การปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนหน้าสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรข้างต้นและรายได้อื่น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าอัตรากำไรจากการดำเนินการเพิ่มขึ้นเช่นกัน จจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ลดลงและรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น (อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารงานต่อรายได้รวมอยู่ที่ร้อยละ 16 ในไตรมาส 1 ปี 2567 และร้อยละ 19 ในไตรมาส 4 ปี 2566)
กำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 4,121ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2567ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 40 และจากไตรมาสก่อนหน้าร้อยละ 8 อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อนละ 34 (ไม่รวมรายการผลกระทบจากการต่อสัญญาโครงการปิ่นเกล้า) (ไตรมาส 4 ปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 29 ไตรมาส 1 ปี 2566อยู่ที่ร้อยละ 29) กำไรสุทธิมีทิศทางดีขึ้นสอดคล้องกับกำไรจากการดำเนินการที่เพิ่มขึ้น
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม