#BANPU #ทันหุ้น - โบรกเกอร์ 3 รายปรับลดราคาเหมาะสมหุ้น BANPU ลง ภายหลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567
บล.ดาโอ : 1Q24 ขาดทุนปกติมากกว่าคาดจาก ASP ลด ; 2Q24E ยังขาดทุนต่อ
บล.ดาโอปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" จากเดิม "ถือ" ที่ราคาเป้าหมายใหม่ปี 2024E ที่ 4.50 (เดิม 6.00 บาท) อิงวิธี SOTP
BANPU รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 1.6 พันล้านบาท (-69% YoY แต่ดีขึ้นจากขาดทุน 1.2 พันล้านบาทใน 4Q23) อย่างไรก็ดี หากหักรายการพิเศษออก บริษัทจะขาดทุนปกติสูงถึง 4.5 พันล้านบาท (เทียบกับ กำไร 3.8 พันล้านบาท ใน 1Q23 และ 545 ล้านบาทใน 4Q23) โดยลดลงมาก YoY ตามราคาขายเฉลี่ยถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ลดลงสู่ระดับปกติ ในขณะที่กำไรลดลง QoQ จากปริมาณขายถ่านหินเฉลี่ยที่ลดลงและต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้น แนวโน้ม 2Q24E คาดจะยังเห็นขาดทุนปกติอยู่จากราคาขายเฉลี่ยถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ทรงตัวต่ำ
บล.ดาโอปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E/2025E ลง 27%/41% เป็น 5.0/5.2 พันล้านบาท และปรับผลการดำเนินงานปกติปี 2024E ลงเป็นขาดทุน 3.6 พันล้านบาท (จากเดิม กำไร 8.1 พันล้านบาท) จาก 1) การปรับปริมาณขายถ่านหินและก๊าซฯเฉลี่ยลง 2) การปรับต้นทุนถ่านหินอินโดนีเซียและออสเตรเลียขึ้น และ 3) การปรับกำไรจากบริษัทร่วมถ่านหินในจีนลง
ราคาหุ้น underperform SET 28% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับแนวโน้ม coal ASP และ gas ASP ที่ปรับตัวลงจากปริมาณก๊าซฯคงคลังในยุโรปที่อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ แม้ราคาปิดล่าสุดสะท้อน 2024E PBV ที่น่าสนใจที่ 0.39x (ประมาณ -2.0SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) แต่เราเชื่อว่าผลประกอบการปกติของบริษัทจะยังถูกกดดันจากแนวโน้ม coal ASP และ gas ASP ที่ทรงตัวต่ำ
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : 1Q24 ผลประกอบการพลิกกลับมาเป็นกำไร
BANPU รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 อยู่ที่ 1.55 พันล้านบาท พลิกจากผลขาดทุนสุทธิใน 4Q23 อย่างไรก็ตามธุรกิจถ่านหินและก๊าซยังคงอ่อนแอจากราคาขาย และปริมาณขายที่ลดลง บล.ยูโอบีฯปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2024-25 เพื่อสะท้อนราคาขายถ่านหินที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตามแนวโน้มกำไรปกติ 2Q24 ฟื้นตัว qoq จากกำไรในธุรกิจไฟฟ้าที่โดดเด่น บล.ยูโอบีฯยังคงมุมมองเชิงลบต่อธุรกิจถ่านหิน แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 5.00 บาท
บล.บัวหลวง : ปรับลดราคาเป้าหมาย BANPU ลง
บล.บัวหลวงคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการหลักของ BANPU ในไตรมาส 2/67 จะปรับตัวดีขึ้น YoY (ธุรกิจถ่านหินที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนที่ลดลงจากเหมืองในออสเตรเลีย) และ QoQ (กำไรธุรกิจถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก BPP)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
แม้ว่าบล.บัวหลวงจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ขึ้น 27% มาอยู่ที่ 5,161 ล้านบาท แต่ปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2567 ไปเป็นขาดทุนหลัก 877 ล้านบาท (จากกำไรหลัก 4,065 ล้านบาท) เพื่อรวมผลประกอบการไตรมาส 1/67 เข้าในประมาณการของบล.บัวหลวง นอกจากนี้ บล.บัวหลวงยังปรับลดราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2567 ด้วยวิธี SOTP ลงเหลือ 6.80 บาท (จากเดิม 7.30 บาท)
คำแนะนำ
เนื่องจากผลการดำเนินงานหลักในปี 2567 มีแนวโน้มอ่อนแอ บล.บัวหลวงจึงไม่เห็นปัจจัยบวกที่ชัดเจนสำหรับราคาหุ้น BANPU อย่างไรก็ตามมูลค่าหุ้นปัจจุบันซึ่งซื้อขายอยู่ที่ PBV ณ สิ้นปี 2567 ที่ 0.4 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.2 เท่าอยู่ 1.7 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ถือว่าต่ำมาก ดังนั้นความเสี่ยงขาลงต่อราคาหุ้นน่าจะมีจำกัด นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์ต่อภาพของกำไรระยะยาวของบริษัทจากการลงทุนใหม่ๆ ในธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ (BanpuNEXT) บล.บัวหลวงจึงยังคงคำแนะนำ "ถือ"
บล.คิงส์ฟอร์ด : ผลประกอบการ 1Q67 พลิกกลับเป็นกำไรจากรายการพิเศษ
BANPU รายงานผลประกอบการ 1Q67 พลิกกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท แนวโน้ม 2Q67 ฟื้นตัวได้อย่างจำกัดจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง บล.คิงส์ฟอร์ดแนะนำ "ถือ" ประเมินราคาเหมาะสมที่ 6.45 บาท
บล.คิงส์ฟอร์ดคาดว่าผลประกอบการ 2Q67 ฟื้นตัวได้จำกัดจากราคาก๊าซที่ปรับตัวลดลง โดยธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ยังคงถูกดดันจากความต้องการใช้ที่ชะลอตัวตามฤดูกาลและปริมาณสำรองอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามราคาถ่านหินอ้างอิง NEX เฉลี่ยใน 2Q67 ฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อย +6%QTD อยู่ที่ US$134/ton ประกอบกับปริมาณขายถ่านหินที่ดีขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย รวมถึงธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าในประเทศไทยที่เข้าช่วง high seasonของความต้องการใช้ไฟฟ้า โดยบล.คิงส์ฟอร์ดยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 6.6 พันล้านบาท (+21%YoY) ภายใต้สมมติฐานราคาถ่านหิน NEX ที่ USS120/ton และราคาก๊าซฯ Henry Hub ที่ US$2.7/MMBtu โดยรวมรายได้จากโรงไฟฟ้า Temple II เข้ามาเต็มปี
แนะนำ "ถือ" ประเมินราคาเหมาะสมที่ 6.45 บาท
บล.คิงส์ฟอร์ดประเมินราคาเหมาะสมปี 67 ที่ 6.45 บาท อิง PBV Multiplier 0.50x (-1.5SD.ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี สะท้อน ROE ที่อยู่ในระดับต่ำ แนะนำ "ถือ" ช่วงสั้นถูกกดดันจากราคาถ่านหิน-ก๊าซฯ ที่ปรับตัวเข้าสู่สมดุล ขณะที่ระยะยาวความต้องการใช้ถ่านหินมีแนวโน้มลดลงในหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้ Multiplier PBV ถูก De-rating เทียบกับอดีต
บล.กสิกรไทย : กําไรไตรมาส 2/2567 คาดจะยังคงอ่อนแอ
ฝ่ายวิจัยบล.กสิกรไทยคาดว่ากําไรของ BANPU จะทรงตัวหรืออ่อนแอลงเล็กน้อยในไตรมาส2/2567 เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ลดลงอย่างมาก และกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ธุรกจิถ่านหินมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น QoQ จากปริมาณฝนที่ลดลงในอินโดนีเซีย การไม่มีแผนสําหรับการย้ายผนังบ่อเหมืองในออสเตรเลีย และดัชนี NEX ที่เพิมขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี NEX อยู่ที่ 148.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยในไตรมาส 1/2567 ที่ 15%
บล.กสิกรไทยคงประมาณการกําไรปี 2567 จากราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยจึงคงประมาณการกําไรปี2567 ของ BANPU ไว้ที่ 7.6 พันลบ. อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคิดว่าความเสี่ยงต่อประมาณการกําไรปี 2567 ของฝ่ายวิจัยเป็นdownside มากกว่า upside เนื่องจากกําไรไตรมาส 1/2567 คิดเป็น 20% ของประมาณการทั้งปีของฝ่ายวิจัย
Valuation and Recommendation
บล.กสิกรไทยคงคําแนะนํา “ถือ” และราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 6.00 บาทคําแนะนําของฝ่ายวิจัยอิงจากโปรไฟล์ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ไม่น่าดึงดูด โดยฝ่ายวิจัยเชื่อว่ากําไรปกติของ BANPU จะยังคงอ่อนแอเนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่ยังคงต่ำมากว่าจุดคุ้มทุนอย่างต่อเนื่อง โดยราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยคงอยู่ที่ 6.00 บาท ซึ่งมาจากการประเมินมูลค่าอิงวิธีรวมส่วนธุรกิจ (SOTP)
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม