เคาะ AWC

#ทันหุ้น - AWC รายงานผลประกอบการ 1Q67 มีกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท (+18.1%QoQ, +7.4%YoY) โดยมีผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงแรมเติบโตขึ้น โดยมี OCC rate 74.8%เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะพอร์ทโรงแรมรีสอร์ทระดับ luxury และโรงแรมในกรุงเทพฯ ด้านรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) เท่ากับ 6,298 บาท/คืน +1.4%YoYส่วนรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เท่ากับ 4,711 บาท 8.5%YoYสูงกว่าระดับช่วง Pre-COVID ส่วนธุรกิจ Retail-Commerce ขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY จาก trafficที่หนาแน่นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ด้าน EBITDA +16%QoQ, +10%YoY ดีขึ้นตามธุรกิจโรงแรมและกำไรจากมูลค่ายุติธรรมที่ปรับตัวขึ้น

กลยุทธ์ผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงาน 3 ด้านได้แก่ 1. เพิ่มทรัพย์สินทรัพย์ดำเนินงาน เนื่องจาก AWC ถือครองทรัพย์สินแบบ freehold กว่า 90% ของพอร์ท ทำให้บริษัทสามารถพัฒนาทรัพย์สินได้อย่างต่อเนื่อง 2. การเพิ่ม EBITDA ผ่านการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ และความต้องการของลูกค้าจากทั่วโลก สะท้อนจาก RevPAR ที่เติบโตสูงกว่าช่วง Pre-COVID19 ไปแล้ว 3. การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ด้วย AWC เป็นบริษัทในกลุ่ม TCC ที่มีพันธมิตรแข็งแกร่งทั่วโลก และขนาดของพอร์ทปัจจุบัน ทำให้เกิด economy of scaleในการจัดการต้นทุน สร้างความสามารถในการแข่งขันระยะยาว

ทั้งนี้บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 67-71) ที่ 1.26 แสนล้านบาท โดยสำหรับปี 67 อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในโครงการ โอพี การ์เด้น ย่านบางรัก เชื่อมกับโครงการ flagshipโรงแรม เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คาดเปิดดำเนินการ 4Q70 และโครงการโรงแรม ที่สุขุมวิท 38 คาดเปิดดำเนินการ 4Q71 ส่วนโครงการที่จะเปิดใหม่ปีนี้ 3 โรงแรมที่แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท, โรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรมระดับลักซ์ชูรี ไลฟ์สไตล์ ในพัทยา รวมถึงเปิดพื้นที่ใหม่ภายในอาคารสำนักงานตึกเอ็มไพร์ สาทร ทำให้แนวโน้มภาพรวมผลการดำเนินงานของ AWC ในปี 67 จะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.9 หมื่นล้านบาท และมีกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ (New high) ในปี 66 ที่ 5.1 พันล้านบาท โดย Bloomberg ประเมินราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 5.16 บาท

แนะนำ “เคาะ” ครับ ทางด้านปัจจัยเทคนิค ระดับราคาและแท่งเทียนแกว่งตัวขึ้นยืนเหนือSMA5วัน แนวโน้มสัญญาณบวกและมีโอกาสที่จะเกิดKey Reversal ระยะสั้นเน้นยืนกรอบแนวรับ 4.30-4.26 เป็นจุดพิจารณาซื้อเล่นรอบ แนวต้าน 4.40 ผ่านยืนมั่นคงเป็นสัญญาณซื้อรูปแบบV-Shape แนวต้านหลักจุดทดสอบ 4.50-4.52

คำแนะนำASL

กรณี “มีหุ้น” ถือ/ซื้อเพิ่ม ลุ้นทดสอบแนวต้าน 4.40/4.50-4.52

กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 4.30-4.26 ไม่ควรต่ำกว่าลงมา