#TTA #ทันหุ้น-บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 1/67 มีกำไร 1,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 419% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 215 ล้านบาท โดยมีรายได้ไตรมาส 1/67 ที่ 6,523.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% ส่วนใหญ่มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง และกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อน หรือ QoQ จะลดลง 2%
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้ 26%, 48%, 11%, 9% และ 6% ของรายได้รวมตามลำดับ
และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจึ้นจาก 23% ในไตรมาส 1/66 และ 26% ในไตรมาส 4/66 เป็น 27% ในไตรมาส 1/67 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ เป็นผลมาจากอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยที่สูงขึ้น อีกทั้งมีผลกำไรจากการลงทุนที่เกิดขึ้นจริงและยังไม่ไม่เกิดขึ้นจริงสุทธิจำนวน 68.0 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหลักทรัพย์เพื่อการลงทุน
TTA แจ้งในเอกสารเผยแพร่ว่า มีรายได้จำนวน 6,523.1 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2567 โดยเพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง และกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้ 26% 48% 11% 9% และ 6% ของรายได้รวม ตามลาดับ โดยสรุป TTA รายงานผลกาไรสุทธิอย่างแข็งแกร่ง จานวน 1,116.0 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2567 และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญร้อยละ 419 เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ TTA มีโครงสร้างเงินทุนยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งเห็นได้จากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่าที่ 0.42 เท่า ณ สิ้นไตรมาส
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1/67 ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มของกระแสเงินสดที่ดีและความสามารถในการทำกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือและกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง แม้ว่าภาวะการค้าขายของโลกอาจจะชะงักงันบ้าง เนื่องจากการสู้รบในทะเลแดง ความตึงเครียดในอ่าวเปอร์เซีย และสงครามที่ดาเนินไปอย่างต่อเนื่องในยูเครน แต่โทรีเซน ชิปปิ้ง ยังคงรักษาอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยได้สูงกว่าตลาด
นอกจากนั้น Liengaard & Roschmann ที่ได้ทำการประเมินอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าของบริษัทจดทะเบียนที่ให้บริการขนส่งสินค้าแห้งเทกองในระดับสากล ได้เผยแพร่รายงาน “Vesselindex Performance” ฉบับล่าสุด ซึ่งปรากฏว่า โทรีเซน ชิปปิ้ง ติดอยู่ในระดับสามของโลก ด้วยอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยสูงกว่าตลาด อยู่ที่ 3,790 ดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 38.6 ในขณะที่ เมอร์เมด ยังคงทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ในด้านงานวิศวกรรมใต้ทะเล (Subsea-IRM) และงานรื้อถอน (Decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation: T&I) ดังนั้น จึงมั่นใจว่าเมอร์เมด มีอนาคตที่สดใส และมีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งในประเทศไทย ตะวันออกกลาง และสหราชอาณาจักร ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม