#SPCG #ทันหุ้น- SPCG ปลื้มปี 2567 รายได้โซลาร์ รูฟท็อปเติบโตราว 20% YoY หนุนรายได้รวมทั้งปี 2567 ทรงตัวต่อเนื่องแม้โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 13 โครงการหมด Adder ลุ้นรับใบอนุญาตโครงการโซลาร์EEC 500 เมกะวัตต์จากภาครัฐ เพื่อเร่งดำเนินงาน หวังเริ่มCOD สิ้นปี 2567 หนุนรายได้ปี 2568 ฟื้นแกร่ง
นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายและให้บริการใกล้เคียงกับที่ทำได้ในปี 2566 จำนวน 4,125.6 ล้านบาท หนุนจากรายได้ที่เร่งตัวขึ้นของบริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ SPR ซึ่งดำเนินธุรกิจออกแบบและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Power Roof System) ราว 20%YoY แตะราว 1,200 ล้านบาท จากปี 2566 ที่ทำได้ราว 1,000 ล้านบาท มุ่งเน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามโครงการโซลาร์ฟาร์มที่เคยมีสัญญาอัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่มโดยบวกเพิ่มจากอัตราค่าไฟฟ้าปกติ (Adder) ที่เคยมีใน13 โครงการจะสิ้นสุดลง และในปี 2568 โครงการโซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 โครงการหมด Adder ทั้งหมด กลายมาเป็นการขายไฟในอัตราค่าไฟฐาน (FiT) ที่ราว 3.40 - 3.60 บาทต่อหน่วยแทน
โซลาร์รูฟหนุนโต
“รายได้ – กำไรจากโซลาร์ฟาร์มมีสัดส่วนราว 70% ของรายได้รวมเมื่อหมด Adder จึงส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานของ SPR ที่เร่งตัวขึ้นก็เข้ามาช่วยพยุงไว้ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งบริษัทก็ได้เร่งหารายได้จากช่องทางอื่นๆ เข้ามาเสริมเบื้องต้นจะพยายามให้รายได้รวมทั้งปี 2567 ทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2566 หรือลดลงเพียงเล็กน้อย"
ทั้งนี้บริษัทคาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากงวดไตรมาส 2/2567 (QoQ) ที่ผ่านมา
หนุนจากผลงานดำเนินงานของ SPR ที่จะเริ่มจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับคู่ค้าโรงงานอุตสาหกรรม แต่ยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) กดดันจากรายได้ที่ลดลงของโครงการโซลาร์ฟาร์มหลังหมด Adder
“ลูกค้าหลักของ SPR คือโรงงานอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ซึ่งรอบปีบัญชีจะเริ่มเดือนเมษายน และสิ้นสุดรอบบัญชีเดือนมีนาคมปีถัดไป เมื่อไตรมาส 1/2567 เป็นช่วงปิดรอบบัญชี ดังนั้นในไตรมาส 2/2567 ก็จะสามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ รายได้ก็จะเร่งตัวขึ้น”
ขยายฐาน EEC
สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กำลังการผลิต 500 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งบริษัทได้ลงนามสัญญาร่วมกับบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) ในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวมทั้งลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในอัตราค่าไฟฟ้าอ้างอิงราคาขายในอัตราค่าไฟฐานนั้น ปัจจุบันบริษัทได้จัดซื้อที่ดินแล้ว 3,000 ไร่ รวมถึงปรับพื้นที่เสร็จสิ้นแล้วกระจายในพื้นที่ 3 จังหวัด ทั้งฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติใบอนุญาตจากสำนักงาน EEC เมื่อได้รับใบอนุญาต บริษัทก็จะสามารถเดินหน้าติดตั้งแผงโซลาร์ เฟสแรกกำลังผลิตติดตั้งเชิงพาณิชย์ราว 300 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าสามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ภายในสิ้นปี 2567 จากนั้นจะเริ่มติดตั้งเฟสที่ 2 อีก 200 เมกะวัตต์ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งโครงการรวม 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2568
“บริษัทได้ประสานงานด้านเอกสารใบอนุญาตกับหน่วยงานภาครัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในเร็วๆ นี้ ซึ่งบริษัทก็มีความพร้อมที่จะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ทันที ก็คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ภายในปลายปี 2567 นี้”
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม