นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TQR เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปีนี้จะปิดดีล M&A อย่างน้อย 1 ดีล จากปัจจุบันที่มีการศึกษาอยู่จำนวน 2-3 ดีล โดยจะเป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก แต่บริษัทจะใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาลงทุน
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 2 -4 ปีนี้ ยังมีความท้าทายจากเศรษฐกิจที่มีการเติบโตขยายตัวช้า แต่ส่วนตัวยังคงหวังว่าธุรกิจประกันวินาศภัยปีนี้โต 4.2-5.5% โดยบริษัทจะดำเนินธุรกิจให้สุดความสามารถเพื่อทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่จะมีรายได้โต 10% จากปีก่อน
โดยจะเติบโตใน 5 กลุ่ม คือ 1. ESG ซึ่งมีโอกาสการเติบโตอีกมากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) พัฒนากรมธรรม์ที่เกี่ยวกับโซลาร์ ซึ่งได้รับความนิยมมาก และบริษัทอยู่ระหว่างการเริ่มผลิตภัณฑ์ทางด้านประกันภัยคาร์บอนเครดิต โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการต่อรองราคา เพราะเป็นเรื่องใหม่
รวมถึงการซินเนอร์จี้กับทาง TQM ในการร่วมกันทำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสังคมสูงวัย, รับประกันภัยต่อแบบพิเศษ( Specialty), Accident &health/Life และกลุ่ม Non-Brokerage รวมถึงการพัฒนาประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ขณะที่บริษัทร่วมทุน เช่น บริษัท อาร์แสควร์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการอบรม โดยปัจจุบันมีลูกค้ารายใหญ่จำนวน 3 ราย และปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นข้อเสนอกับทางลูกค้าเพิ่ม ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนได้ภายในไตรมาส 2 ปีนี้
ส่วนบริษัท อัลฟ่าเซค จำกัด ซึ่งการให้บริการและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) รวมถึงการจัดฝึกอบรมที่เกี่ยวข้อง และบริการตรวจสอบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากลูกค้าองค์กรที่ต้องการใช้แพลตฟอร์ม ของทาง บริษัทอัลฟ่าเซค และการพัฒนาประกันเกี่ยวข้องกับCyber Security และลูกค้ารายย่อยต้องการระบบป้องกันภัยไซเบอร์เช่นกันโดยกำลังเจรจาอยู่ 2-3 ราย รวมถึงการทดสอบระบบไอทีต่างๆ
“ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทยังคงมองว่า แนวโน้มและความท้าทายของธุรกิจประกันภัยเป็นไปตามความสนใจของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น TQR จึงมีการปรับกลยุทธ์การบริหารธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและความต้องการของตลาดในปัจจุบันและยังคงรักษาระดับ Net Profit Margin ให้เป็นไปตามเป้าหมาย”
อย่างไรก็ตามจากงบประมาณปี 2567 ผ่านมา เชื่อว่าจะส่งผลให้มีการลงทุนในเรื่องของโครงการสร้างพื้นฐานต่างๆมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีกับธุรกิจประกันภัยเช่นกัน จากที่บริษัทต่างๆ จะมีการทำประกันภัยโครงการต่างๆ เพิ่มขึ้น ส่วนภาพรวมการแข่งขันในธุรกิจรับประกันภัยต่อนั้น เชื่อว่าการแข่งขันลดลง จากบริษัทขนาดเล็กไม่สามารถอยู่รอดได้ จากการดำเนินธุรกิจมีต้นทุนที่สูง จากที่ต้องมีพนักงานที่มีความรู้ความสามารถ และมีกฎระเบียบจำนวนมาก ทำให้จะเหลือแต่บริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัท ในไตรมาส 1/2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2567) มีกำไรสุทธิ 30.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.22% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 26.72 ล้านบาท และมีรายได้รวม 80.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.55% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 66.38 ล้านบาท
-
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม