หุ้นกลุ่มโรงกลั่น โบรกมอง TOP มีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม

#TOP #ทันหุ้น - บล.ดีบีเอสวิคเคอร์สมีมุมมองเป็นกลางต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ระบุว่ากำไรสุทธิ 6 หุ้นโรงกลั่นที่บล.ดีบีเอสฯวิเคราะห์มีกำไรสุทธิ 1Q24 เท่ากับ 13.18 พันล้านบาท ซึ่งการหดตัวของ Core profit เทียบ YoY มาจากค่าการกลั่นที่ลดลงมาก เพราะค่าการกลั่นในช่วงต้นปี 23 สูงผิดปกติ อย่างไรก็ตาม เพิ่มขึ้น QoQ เป็นผลจาก 1) ค่าการกลั่นน้ำมันเบนชินเพิ่มขึ้นจากอุปทานตึงตัว, 2) มีกำไรจากสต็อก, 3) ค่าพรีเมียมน้ำมันดิบลดลง และ 4) ค่าใช้จ่ายดำเนินงานกลับสู่ระดับปกติ

แนวโน้ม 2Q24F คาดค่าการกลั่นอ่อนลงทั้ง YoY และ QoQ เพราะ 1) อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอ่อนแอ, 2) มีอุปทานจากโรงกลั่นใหม่เข้ามา, 3) โรงกลั่นในเอเชียกลับมาดำเนินการ และโรงกลั่นรัสเซียกลับมาผลิตหลังถูกโจมตีจากยูเครน, 4) ค่าพรีเมียมน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนพ.ค. มิ.ย. มีการปรับลดการผลิตในหลายโรงกลั่น รวมกันราว 50-60 ล้านบาร์เรล/วัน และอาจมีพายุเฮอริเคนในฝั่งตะวันออกเฉียงใต้และอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐ ซึ่งเป็นแหล่งกลั่นน้ำมันราว 50% ของทั้งประเทศ (ฤดูกาลเฮอริเคนสหรัฐอยู่ในช่วงเดือนมิ.ย.-พ.ย.)

คาดกลุ่มโอเปกพลัสขยายระยะเวลาลดการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรลวันต่อไปถึงสิ้นก.ย.24ซึ่งกลุ่มโอเปกพลัสจะมีการประชุมวันที่ 2 มิ.ย.24 ปัจจัยสนับสนุน คือ 1) อุปทานส่วนเกินเพิ่มขึ้นเพราะอุปสงค์อ่อนแอ, 2) สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าอยู่ใน backwardation pattern

ให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มโรงกลั่นเป็น Neutral เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเติบโตน้อย โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาเคมีภัณฑ์, 2) ภาวะดอกเบี้ยสูงกระทบอุปสงค์น้ำมัน และ 3) รัฐบาลไทยมีนโยบายลดราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมันก๊ซ และค่าไฟฟ้า

ให้ TOP เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงกลั่น จากผลดำเนินงานมีแนวโน้มที่จะโดดเด่นกว่าโรงกลั่นอื่นในช่วง 2Q-3024F เพราะใช้กำลังการกลั่นเต็มที่, อัตราค่าระวางเรือทรงตัว, ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เป็นเงินสดต่ำสุดในกลุ่ม และมีค่า FRM ที่สูงกว่าโรงกลั่นอื่นๆ นอกจากนั้น บล.ดีบีเอสฯยังชอบ PTTEP ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างพลังงานของรัฐบาลน้อยที่สุด