> SET >

11 กรกฎาคม 2024 เวลา 15:08 น.

"คลัง"มั่นใจลดวงเงินดิจิทัลวอลเล็ตยังกระตุ้นจีดีพีได้ 1.8%

#ทันหุ้น-กระทรวงการคลังมั่นใจแม้จะลดวงเงินดิจิทัลวอลเล็ตเหลือ 4.5 แสนล้านบาท จาก 5 แสนล้านบาท โครงการดังกล่าวยังกระตุ้นจีดีพีได้สูงสุดที่ 1.8% โดยประเมินจากผู้เข้าร่วมโครงการที่คาดเข้ามาราว 40 ล้านคน แต่พร้อมเพิ่มงบหากผู้เข้าร่วมเต็ม 50 ล้านคน ขณะที่ บสย.เปิดตัว PGS 11 พร้อมค้ำสินเชื่อเอสเอ็มอีวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท


นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผลกระทบต่อจีดีพีจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ปรับลดวงเงินเหลือ 4.5 แสนล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 5 แสนล้านบาท ยังมีผลบวกต่อเศรษฐกิจเท่าเดิม หรือ อยู่ที่ 1.3-1.8% สาเหตุที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจของโครงการนี้ ยังเท่าเดิม แม้ว่าขนาดของวงเงินโครงการอาจลดลงนั้น เป็นเพราะว่าการประเมินว่า คนที่จะเข้ามาร่วมใช้สิทธิ์ในโครงการนี้ ตั้งแต่แรกนั้นทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ไม่ได้ประเมินว่าจะมีคนที่มีสิทธิ์และเข้ามาลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิ์ในโครงการนี้ทั้ง 100% หรือ

ทั้ง 50.7 ล้านคน โดยสศค.ประเมินว่าจะมีคนมาใช้สิทธิ์ในโครงการนี้ราว 80 % หรือประมาณ 40 ล้านคน


ดังนั้น เมื่อมีการแสดงความเป็นห่วงจากหน่วยงานตรวจสอบ คือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ว่าไม่ควรตั้งงบประมาณโครงการนี้มากเกินสมควร เพราะจะทำให้รัฐบาลสูญเสียโอกาสจากการใช้งบประมาณไปพัฒนาด้านอื่นๆ กระทรวงการคลัง จึงปรับลดตัวเลขวงเงินของโครงการนี้ลงมาอยู่ที่ 4.5 แสนล้านบาท


ขณะเดียวกัน สศค.ก็เคยมีตัวเลขของผู้มาใช้สิทธิ์ในโครงการต่างๆของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นโครงการ คนละครึ่ง  หรือชิมชอปใช้ ซึ่งอัตราของคนเข้าใช้สิทธิ์ ที่ประมาณ 80 %ของคนที่มีสิทธิ์ ดังนั้น เพื่อตอบสนองต่อข้อกังวลของป.ป.ช. ดังกล่าว คณะอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตที่ประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้ จึงเสนอปรับลดวงเงินโครงการเหลือ 4.5 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะมีคนเข้าร่วมโครงการราว 40 ล้านคน แต่หากมีคนเข้าร่วมมากกว่านี้ รัฐบาลก็มีกลไกทางงบประมาณที่จะสามารถจัดสรรงบประมาณมาใช้ให้เพียงพอ


นอกจากนี้การกำหนดรายการสินค้าที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ในโครงการนี้ได้ ( Negative List) ว่า ที่กำหนดให้ รายการสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ,อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร อยู่ในNegative list นั้น  เพราะสินค้าเหล่านี้มีการนำเข้าที่สูง ซึ่งเราไม่ต้องการให้เงินในโครงการนี้ ไหลออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม ผลสรุปสุดท้ายจะต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งจะประชุมในวันที่ 15  ก.ค.นี้


ทั้งนี้ นายเผ่าภูมิ ยังได้กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดตัวโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 ของ บสย.ในวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ว่า โครงการนี้จะทำให้ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น โดยเฉพาะ SMEs ที่แต่เดิมไม่เคยอยู่ในแผนของการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพราะอาจมีความเสี่ยงที่สูง ทำให้ไม่เคยได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โครงการนี้จะพิจารณาให้เข้าไปช่วยค้ำประกันเป็นอันดับแรก


เขากล่าวคาดว่า 90% ของ วงเงินค้ำประกัน 5 หมื่นล้านบาทของโครงการนี้ จะสามารถใช้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งโครงการค้ำประกัน PGS11 นี้ จะมีเงื่อนไขค่อนข้างดีสำหรับ SMEs กล่าวคือ จะฟรีค่าธรรมเนียมในสองปีแรกที่ค้ำประกัน และปีต่อไปค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจะอยู่ที่ 1.5 % จากปกติ 1.75 % 


สำหรับผลต่อเศรษฐกิจจากการค้ำประกันของ บสย.มีตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจถึง 4.13 เท่า ทำให้โครงการ PGS11 สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2 แสนล้านบาท สามารถช่วยเหลือ SMEs ให้เข้าถึงสินเชื่อได้มากถึง 7 หมื่นราย และกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้ SMEs ได้รวมราว 6 หมื่นล้านบาท


ทั้งนี้ ประเทศไทยมีผู้ประกอบการขนาด SMEs ราว 3 ล้านราย หรือคิดเป็น 90 % ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ ,มีผลต่อ GDP ของประเทศราว 35 % และมีสัดส่วนการจ้างงานมากถึง 70 % ของการจ้างงานทั้งประเทศ


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X