07 ตุลาคม 2024 เวลา 21:00 น.
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2565 TRUE ก็ไม่ได้มีการขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมอีก และยืนยันว่ายังถือกองทุน DIF เป็น Strategic Holdings เพราะเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการให้บริการโทรศัพท์มือถือ (Mobile) และ อินเทอร์เนต (Internet) ของกลุ่มบริษัท จึงไม่มีนโยบายที่จะลดสัดส่วนการถือ DIF อีก เพื่อคงสถานะ และความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม โดยปัจจุบัน TRUE ยังเป็นผู้ถือหน่วยอันดับ 1 ของกองทุน DIF ด้วยสัดส่วนลงทุนที่ 20.56%
*TRUEมีโอกาสต่อสัญญาDIF
โดยสินทรัพย์สินที่กองทุนเข้าลงทุนหลัก ๆ ประกอบด้วย เสาโทรคมนาคม และสาย FOC โดยสัญญาเช่าเสาโทรคมนาคมจะสิ้นสุดลงในปี 2576 ในขณะที่สัญญาเช่าสาย FOC จะสิ้นสุดลงในปี 2576 เช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของสาย FOC ยังมีโอกาสต่อสัญญาต่อไปได้อีก สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ
1.ส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจบรอดแบนด์ของกลุ่มทรูเกิน 33%
หรือ 2. รายได้ของธุรกิจบรอดแบนด์ของกลุ่มทรูเกิน 16,500 ล้านบาท หากเข้าเงื่อนไขเพียงข้อใดข้อหนึ่ง TRUEมีหน้าที่ต้องเช่าสาย FOC ต่อไปอีกสูงสุดไม่เกิน 10 ปี ซึ่งปัจจุบัน ผู้จัดการกองทุน รายงานว่ารายได้ของธุรกิจบรอดแบนด์ทะลุ 14,000 ล้านบาทแล้ว จึงมีโอกาสที่ TRUE จะต่อสัญญาเช่าสาย FOC
ดังนั้น หากมองในมุมนี้ ก็จะเห็นว่าอายุเฉลี่ยโดยรวมการต่อสัญญา FOC ตามเงื่อนไขข้างต้นจะเหลืออยู่อีกประมาณ 14-15 ปี
หากมองในมุมรายได้หลังการควบรวมของ TRUE -DTAC เสร็จสิ้นในวันที่ 1 มีนาคม 2566 ทั้ง 2 บริษัทพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนลง โดยปี 2566 DTAC ได้ทยอยลดสัดส่วนการเช่าใช้ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของกองทุนลง ซึ่งรายได้ในส่วนนี้คิดเป็น 3% ของรายได้รวม
ปัจจุบันผลกระทบของรายได้จากการที่ DTAC ไม่ได้ต่อสัญญาเช่า มีการรับรู้และจบไปแล้วในไตรมาส 1 ปี 2567 อีกทั้งการปรับโครงข่ายการให้บริการภายหลังควบรวมจะไม่กระทบต่อจำนวน และค่าเช่า ที่ TRUE ได้ทำสัญญาระยะยาวกับ DIF (ประมาณ 14-15 ปี) ที่กำหนดจำนวนและราคาไว้แล้ว
“ขณะที่ DIF ก็มีแผนหาผู้เช่ารายใหม่ ภายใต้โอกาส และการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งผู้จัดการกองทุน มองว่า แม้จำนวนผู้เล่นในธุรกิจนี้จะมีน้อย แต่โอกาสของการเติบโตจากความต้องการ หรือดีมานด์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น ทั้งในเรื่องของความเร็ว ความแรงของสัญญาณ, การพัฒนาเทคโนโลยี 5G และ 6G, การเติบโตของธุรกิจมือถือ, การแข่งขันนำเสนอแพกเกจบริการต่าง ๆ จากค่ายมือถือ ปัจจัยเหล่านี้งทำให้ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมมีโอกาสเติบโตอีกมาก”
และแม้กองทุนจะมี TRUE เป็นผู้เช่ารายใหญ่ แต่ก็ไม่ได้มีการปิดกั้นผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในการเช่าสินทรัพย์ของ DIF กองทุนเปิดกว้างและมีความเป็นกลาง พร้อมให้บริการกับทุกแบรนด์
*ภาษีเงินปันผลกับกองIFF
อีกเรื่องที่นักลงทุนต้องรู้คือ การเสียภาษีเงินปันผลสำหรับกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF)ทุกกองที่จัดตั้งขึ้นมา จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเวลา 10 ปี ทำให้ผู้ลงทุนได้รับการยกเว้นภาษีเงินปันผล แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว เงินปันผลที่จ่ายให้ผู้ลงทุนก็จะถูกหัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 10% ซึ่งเป็นไปในลักษณะเดียวกับ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองรีทอื่น ๆ
รวมถึงหากกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอื่น เมื่อครบสิทธิประโยชน์ทางภาษี 10 ปี แล้ว ผู้ลงทุนก็จะต้องกลับมาจ่ายภาษีเช่นกัน ซึ่งในส่วนของ DIF ที่จัดตั้งขึ้นมาครบ 10 ปีกว่าแล้วนั้น ทำให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ DIF ได้สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อปี 2565
อย่างไรก็ตามหากมองถึงปัจจัยบวก ณ ปัจจุบัน แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนับเป็นผลดีต่อ DIF เพราะทำให้ต้นทุนการเงินลดลงเนื่องจาก DIF มีเงินกู้อยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท และทุก ๆ การปรับอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%จะช่วยลดภาระทางการเงินของ DIF ได้ราว 70 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยบวกส่วนนี้น่าจะเริ่มเห็นชัดขึ้นเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
*ดอกเบี้ยขาลงเป็นผลดีต่อDIF
“ส่วนต้นทุนทางการเงินของ DIF ที่ลดลง จะนำไปจ่ายปันผลเพิ่มขึ้น หรือนำไปชำระเงินกู้มากขึ้น ทางฝ่ายบริหารจัดการกองก็ต้องพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง แต่ทางไหนก็ล้วนเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน เพราะหากจ่ายคืนหนี้ได้มากหมดได้ไว ผู้ลงทุนก็จะได้รับเงินปันผลแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะที่ DIFมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น”
ในส่วนของหนี้ที่ต้องจ่ายคืน 5 สถาบันการเงินแต่ละปีนั้น กองทุนมีการกำหนดตัวเลขไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการสำรองเงินไว้จ่ายคืนหนี้ทุกงวด ขณะเดียวกัน เมื่อใกล้ครบกำหนดอายุสัญญา ทางสถาบันการเงิน และกองทุนจะมีการเจรจาในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาลงเช่นปัจจุบันนี้ ก็น่าจะทำให้ภาระดอกเบี้ยของ DIF ลดลงด้วย
DIF ถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ถือว่ามีโอกาสสร้างกระแสเงินสดให้กับผู้ลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ แม้ในยามวิกฤตโควิด-19 DIFก็ไม่ได้รับผลกระทบ ขณะที่รายได้จากค่าเช่าก็มีการปรับขึ้นทุกปี โดยในส่วนของเสาที่เป็นกรรมสิทธิ์กองทุนราว 1 หมื่นต้นมีการปรับอัตราค่าเช่าขึ้น 2.7% ต่อปี ส่วนสาย FOC แม้จะไม่ได้ปรับค่าเช่าขึ้น แต่ก็มีโอกาสสูงมากที่จะต่อสัญญาเช่าเพิ่มไปอีก 10 ปีจากปี 2576 ที่สัญญาเช่าสิ้นสุดลง
และเมื่อมองต่อไปถึงอนาคตธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมที่แม้จะมีผู้เล่นน้อยราย แต่การพัฒนาของเทคโนโลยี การแข่งขันจากผู้ให้บริการที่เน้นทั้งความแรง และความไวของสัญญาณ การเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟน ความต้องการใช้อินเทอร์เนตที่มากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้จึงยากที่จะมองข้ามการลงทุนใน DIF
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม