#DIF #3BBIF  #ทันหุ้น – สายปันผลต้องดู! เช็กกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน DIF และ 3BBIF พบไตรมาส 3  DIF กำไรมั่นคงที่ 2.91 พันล้านบาท คาดจ่ายปันผลไตรมาสนี้ 0.222 บาท คิดเป็นยิลด์ทั้งปีสูง 9.6% ขณะที่ 3BBIF กำไรลดลง แต่ยังใช้วิธีลดทุนให้เงินผู้ถือหุ้นไตรมาสนี้ 0.145 บาท ให้ยิลด์ 9.36% แนะซื้อ DIF เป้า 11.1 บาท ส่วน 3BBIF ถือรับปันผล

นายพิสุทธิ์  งามวิจิตวงศ์  ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม หรือ Telco Infrastructure Fund ยังมีความน่าสนใจในแง่ของผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง โดยได้เปรียบเทียบแนวโน้มเงินปันผล หรือ DPU (Dividend Per Unit) ระหว่าง กองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล (DIF) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต สามบีบี (3BBIF)

@ DIF ยิลด์ปันผลสูง 9.6%

สำหรับกองทุน DIF นั้น บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย คาดการณ์ว่า ในไตรมาส 3/2567 จะมีกำไรหลัก (Core Profit) อยู่ที่ประมาณ 2.91 พันล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่คงที่เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่มาจากการให้เช่าสายใยแก้วนำแสงและเสาสัญญาณโทรคมนาคมที่มีการกำหนดตามสัญญาในระยะยาว โดย DIF มีรายได้จากการเช่าสายใยแก้วนำแสงคิดเป็น 64% ของรายได้ทั้งหมด และเสาสัญญาณโทรคมนาคมอีก 36%

ดังนั้นประเมินว่า DIF จะสามารถจ่ายเงินปันผลในไตรมาสนี้ที่ 0.222 บาทต่อหน่วย ซึ่งหากคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลรายปี (Annualized Dividend Yield) จะสูงถึง 9.6% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่มั่นคงและต่อเนื่อง

สิ่งที่สนับสนุนให้ DIF มีผลประกอบการที่มั่นคงคือการมีรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนจากผู้เช่าอย่างกลุ่ม TRUE อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากการสิ้นสุดของวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ต้นทุนการเงินไม่เพิ่มขึ้นมากนัก อย่างไรก็ตาม รายจ่ายรวมของกองทุนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 632.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9%YoY เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น แต่ลดลง 1.4% QoQ เนื่องจากดอกเบี้ยที่ลดลง

@ 3BBIF กำไรลด แต่ให้ยิลด์สูง

สำหรับกองทุน 3BBIF ประเมินไตรมาส 3/2567 กำไรหลักจะลดลงเหลือ 1.49 พันล้านบาท หรือลดลงถึง 23.3% YoY ซึ่งสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการเช่าเส้นใยแก้วนำแสงที่ลดลงถึง 19.7% หลังจากที่ผู้เช่าหลักได้ยกเลิกสัญญาในเดือนสิงหาคม 2566

แม้ว่ากองทุนจะพยายามรักษาค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับคงที่ แต่ก็คาดว่าค่าใช้จ่ายในการย้ายโครงสร้างใยแก้วนำแสงจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 1.7% QoQ คาดว่าในไตรมาสนี้ 3BBIF จะลดทุนคืนเงินให้กับผู้ถือหน่วยแทนการปันผล  (Capital Reduction) ที่ 0.145 บาทต่อหน่วย ลดลง 9.4% YoY และ 23.7% QoQ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนรายปีอยู่ที่ 9.36% ทั้งนี้เนื่องจาก 3BBIF ยังมีขาดทุนสะสมจึงยังต้องใช้วิธีลดทุนคืนเงินผู้ถือหน่วยแทนปันผล แต่คาดว่าภายใน 2 ปีจะล้างขาดทุนสะสมหมดก็จะกลับมาปันผลตามปกติ

@ ให้ยิลด์ดีต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลังของปี 2567 คาดว่า DIF จะสามารถรักษาระดับกำไรหลักในครึ่งปีหลังนี้ได้ เนื่องจากรายได้ที่คงที่จากสัญญาเช่าระยะยาว อีกทั้งยังคาดว่าเงินปันผลจะคงที่ที่ประมาณ 0.22 บาทต่อหน่วยต่อไตรมาส สำหรับครึ่งปีหลัง และจะจ่ายเงินปันผลทั้งปีอยู่ที่ 0.87 บาทต่อหน่วยในปี 2568 โดยมีการคาดการณ์ว่ากองทุนจะมีการชำระหนี้ประมาณ 1.25 พันล้านบาทต่อปี

ในทางกลับกัน 3BBIF มีแนวโน้มที่จะมีความผันผวนมากกว่า เนื่องจากรายได้ที่ผูกติดกับต้นทุนผันแปร เช่น ค่าใช้จ่ายในการย้ายโครงสร้างเส้นใยแก้วนำแสง คาดว่าเงินคืนทุนจะลดลงเหลือ 0.61 บาท ในปี 2567 และ 0.53 บาทในปี 2568

@เป้า DIFแตะ 11.1 บาท

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” DIF โดยกำหนดราคาเป้าหมายกลางปี 2568 ไว้ที่ 11.1 บาท ซึ่งคาดว่าจะมีผลตอบแทน (?Market IRR) ที่ 8.4% ภายใต้สมมติฐานครบสัญญาเช่า และให้ส่วนลดในการต่อสัญญา 50% ขณะที่ 3BBIF ถูกปรับลดเป็น “ถือ” โดยคงราคาเป้าหมายที่ 6.25 บาท เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นถึง 15% ในเดือนที่ผ่านมา ทำให้ผลตอบแทน Market IRR ลดลงเหลือเพียง 4.9% ภายใต้สมมติฐานครบสัญญาเช่า และให้ส่วนลดในการต่อสัญญา 50% เช่นกัน โดยนักลงทุนที่ต้องการปันผลในระดับสูงสามารถที่จะถือได้ทั้ง DIF และ 3BBIF

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

X คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=