#BBL #ทันหุ้น - ภายหลัง BBL จัดประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา จากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ 10 รายที่ออกเมื่อวันที่ 28 ต.ค. มีโบรกเกอร์ 3 รายแนะนำให้ “ถือ” ขณะที่ 7 รายแนะนำ “ซื้อ”
บล.กสิกรไทย : คุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่ง แต่แนวโน้มกำไรอ่อนแอ
บล.กสิกรไทยระบุว่า ผู้บริหาร BBL คาดว่า NPL จะอยู่ในช่วง 3.0-3.5% จากเป้าหมายเดิมที่ 3.0% โดยสินเชื่อเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้จะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/67 และจะช่วยควบคุม NPL
สินเชื่อจะเติบโตดีขึ้นในไตรมาส 4/67 จากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อต่างประเทศการลงทุนใน VB อาจไม่สร้างผลกำไรในระยะสั้น
เป้า CIR ดีกว่าที่คาดเล็กน้อย บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ถือ" และราคาเหมาะสมที่ 148 บาท
.
บล.กรุงศรี : มีมุมมองเป็นกลาง
บล.กรุงศรีมีมุมมอง neutral ต่อการประชุมนักวิเคราะห์ เพราะข้อมูลส่วนใหญ่ไม่ได้ต่างจากที่เราคาดก่อนหน้า ทั้งนี้ บล.กรุงศรีคงกำไรสุทธิปี 2567-68 ที่ 4.48 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น +8% y-y และ 4.33 หมื่นลบ. หดตัว -3% y-y ตามลำดับ ภาพรวมบล.กรุงศรีมอง BBL i) NPL Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อ ii) เป็นธนาคารเดียวคาดกำไรสุทธิปี 2568 หดตัว y-y iii) ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐช้าสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่
.
บล.พาย : งบดุลแข็งแกร่ง และ Valuation ไม่แพง
บล.พายคงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับลดมูลค่าพื้นฐานเหลือ 168 บาท สะท้อนความสามารถการทำกำไรลดลง อย่างไรก็ดี BBL มีงบดุลแข็งแกร่ง สามารถรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต บล.พายปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิลง 2-3% ในปี 2568-69 จากการปรับลด NIM ที่ลงล้อกับการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตชะลอตัวที่ 2%/4.3% ในปี 2568-69 ด้าน ROE ปรับลดลงที่ 7.9%/7.8% ในปี 2568-69 จาก 8.1% ในปี 2567 และคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 5.3-5.6% ในปี 2567-69 ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/67 บล.พายคาดกำไรจะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้น และรายได้ดอกดเบี้ยลดลง แต่กำไรจะปรับสูงขึ้น YoY จากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นหลัก
.
บล.ฟิลลิป : สินเชื่อน่าจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4/67
ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวทำให้สินเชื่อของ BBL ยังหดตัวจากสิ้นปี 66แต่น่าจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4/67 จากมีสินเชื่อรายใหญ่รอเบิกจ่ายอยู่จำนวนมาก
NPL ยังเพิ่มขึ้นแต่ไม่มีความกังวล และ NPL ณ สิ้นปีน่าจะอยู่ในเป้าที่ตั้งไว้ การตั้งสำรองในไตรมาส 4/67 อาจจะลดลงได้ แต่ทั้งปีน่าจะเกินกว่าที่ให้ guideline ไว้ ในไตรมาส 3/67 BBL เป็นธนาคารเดียวที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไม่ลดลง แต่สินเชื่อส่วนใหญ่ที่เป็นสินเชื่อรายใหญ่ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวน่าจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลง ยังคงประมาณการกำไร และคงราคาพื้นฐาน 169 บาท แนะนำ "ซื้อ"
.
บล.บัวหลวง
บล.บัวหลวงมีมุมมองเป็นกลาง โดยยังแนะนำ ซื้อ จากแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์จะหยอยฟื้นตัวในปี 2568 และ Valuations ถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคารมาก
.
บล.เอเซียพลัส
บล.เอเซียพลัสมองกลาง เพราะภาพรวมยังสอดคล้องกับประมาณการ หลังกำไรสุทธิ 9 เดือนปี 67 คิดเป็นสัดส่วน 81% ของประมาณการ (ทั้งปีที่ 4.3 หมื่นล้านบาท บวก 3% YoY) และ 79% ของ BB Consensus โดยรวมมองว่าสอดรับกับทิศทางกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 อ่อนตัว QoQ เพราะ OPEX ตามฤดูกาล ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ แม้ NPL ไต่ขึ้นส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ยังดูไม่เสถียร แต่ประเมินรับมือได้ กายใต้ Coverage ratio (LLR / NPL) ณ สิ้นงวด 3Q67 ที่ 267% (LLR/Loan ที่ 10.5%) เป็นปัจจัยช่วยให้ระดับการตั้งสำรองอยู่ในการบริหารจัดการ
องค์ประกอบรวมคงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท (+3% YoY) บนสมมติฐานสินเชื่อขยายตัว 3% YoY เป็นไปในทิศทางเดียวกับ GDP ไทย และ Credit cost ลด 0.1% YoY Iหลือ 1.1% ตาม Coverage ratio ในระดับสูง ทำให้ความจำเป็นในการตั้งสำรองใหม่ลดลง ชดเชยได้กับ NIM ต่ำลง 0.1% YoY เหตุเพราะการลงดอกเบี้ย 1 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา
.
บล.เคจีไอ : มีโอกาสจะกลายเป็นหุ้นปันผลในปี 2568
บล.เคจีไอระบุว่าแม้ว่าธนาคารส่วนใหญ่จะถูกกดดันจาก NIM ที่ลดลง และ ค่าใช้จ่ายสํารองฯ (credit cost) ที่เพิ่มขึ้นจากการล้างหนี้เสียออกจากงบดุล แต่เราคาดว่า BBL จะแตกต่างและมีศักยภาพบริหารจัดการความเสี่ยงด้านกําไรได้ดีกว่าธนาคารอื่น ๆ บล.เคจีไอยังคงคําแนะนําซื้อ (ราคาเหมาะสม 185 บาท) เพื่อสะท้อนถึงการที่ธนาคารบริหารจัดการ NIM ได้ดีกว่าธนาคารอื่น ๆ และ การปลดล็อกรายได้จากมูลค่าที่ซ่อนอยู่ด้วยการกลับรายการสํารองของ THAI หลังจากที่กลับเข้ามาจดทะเบียนใน SET ในปี 2568
.
บล.ดาโอ : มองเป็นกลางจากการประชุมเพราะเป้าหมายยังใกล้เคียงคาด
บล.ดาโอยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" BBL และราคาเป้าหมายที่ 186 บาท อิง 2568 PBV ที่ 0.60x 1.00SD below 10-yr average PBV) โดยบล.ดาโอมีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพราะภาพรวมยังเป็นไปตามคาด โดยยังคงเป้าหมาย Loan growth ปี 2567 ที่ 3-5% (บล.ดาโอคาด 3%) แต่ 9 เดือนปี 67 = -1.2% YTD ซึ่งถือว่าท้าทายมาก แต่ยังคาดหวังสินเชื่อรายใหญ่จะเร่งเบิกจ่ายในไตรมาส 4/67 ส่วน NIM ปรับเป้าขึ้นที่ 3.00% จากเดิมที่ 2.80% (บล.ดาโอคาด 3.00%, 9 เดือนปี 67 ที่ 3.06%) โดยรวมผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1 ครั้งแล้ว ขณะที่ Credit cost ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.20-1.25% (บล.ดาโอคาด 1.15%) จากเดิมที่ 0.9-1.0% ส่วน NPL ปรับเป้าขึ้นที่ 3.0-3.5% จากเดิมที่ 3%+- (บล.ดาโอคาด 3.30%, 9 เดือนปี 67 ที่ 3.40%) โดยไตรมาส 4/67 จะมีปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ NPL จะลดลงได้บ้าง ด้านประเด็นเรื่อง THAI ที่ออกจากแผนฟื้นฟู ผู้บริหารเผยว่าจะไม่มีการ reverse สำรองฯ แต่รอเลื่อนการจัดชั้นขึ้นจาก Stage 3 ซึ่งจะทำให้แนวโน้ม NPL ลดลงได้ในปี 2568
บล.ดาโอยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +4% YoY จากสำรองฯที่ลดลง ขณะที่คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 จะเพิ่มขึ้นขึ้น YoY จากสำรองฯที่ลดลง แต่จะลดลง QoQ จาก OPEX ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
ราคาหุ้นปรับตัวลดลง-5%ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET จาก กนง. เซอร์ไพร์ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%ขณะที่ บล.ดาโอยังคงแนะนำ "ซื้อ" เพราะ BBL ยังคงมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่รองรับความเสี่ยงได้ดีกว่าคู่แข่ง เพราะมี coverage ratio สูงที่สุดในกลุ่มที่ 267% ด้าน Valuation ยังน่าสนใจโดยเทรดที่ PBV เพียง 0.52x หรือที่ระดับ 1.25SD ย้อนหลัง 10 ปี ถูกกว่ากลุ่มที่เทรดที่ PBV ที่ 0.66x
.
บล.หยวนต้า : คงประมาณการเดิม
บล.หยวนต้าระบุว่ายังคงประมาณการเดิมโดยคาดแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 จะชะลอลง Q&Q ตามปัจจัยฤดูกาล ที่จะมีบันทึกค่าใช้จ่ายลงทุนพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงโบนัสพนักงานเพิ่มเข้ามา ทำให้ Cost to Income Ratio ในไตรมาส 4/67 สูงกว่าไตรมาสอื่น รวมถึงกำไรจากเงินลงทุนที่คาดจะชะลอลง แต่คาดยังโต YoY หนุนจากการตั้งสำรองที่คาดผ่อนคลายลงเล็กน้อย รวมถึงการปรับรูปแบบการบันทึกค่าใช้จ่ายปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานที่รับรู้ไปบางส่วนแล้วในไตรมาส 3/67 แตกต่างจากปีก่อนที่บันทึกค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ในไตรมาส 4/66 บล.หยวนต้าจึงคงคาด BBL จะมีกำไรสุทธิทั้งปี 2567 จำนวน 43,950 ลบ. โต 5.6%YoY
บล.หยวนต้ามีมุมมองเป็นบวกหลัง BBL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่สูงกว่าที่เราและตลาดคาด โดยข้อสังเกตที่น่าสนใจคือการตั้งสำรองเริ่มผ่อนคลายลง และไม่มีลูกหนี้รายใหญ่ที่ตกชั้นเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น ขณะที่ Coverage Ratio ของ BBL ยังทรงตัวสูงที่ 266.6% สะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันมี่ Upside 21.8% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2568 เดิมที่ 190 บาท และคาดจะมีปันผลจ่ายจากกำไรสุทธิครึ่งปีหลัง 67 อีก หุ้นละ 4.90-5.00 บาท คิดเป็น Div. Yield ราว3.1% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม