KS (W)hole in ONE : BA แกร่งกลุ่มประกัน ตั้งราคา 26.87 บาท

#BA #AMATA #ทันหุ้น

- วันจันทร์ ติดตามรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของยุโรป โดย HCOB คาดการณ์ไว้ที่ 45.9 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 45.0 ส่วนของทางเยอรมนีคาดการณ์ไว้ที่ 42.6 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 40.6 ต่อด้วยรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานของสหรัฐ คาดการณ์ไว้ที่ -0.5% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.2% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องจากวัน Culture Day

วันอังคาร เป็นวันเลือกตั้ง ปธน. ของสหรัฐ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ โดยเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 1.6% YoY การรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน คาดการณ์ไว้ที่ 50.7 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50.3 ส่วนของสหราชอาณาจักร คาดการณ์ไว้ที่ 51.8 เทียบกันเดือนก่อนหน้าที่ 52.4 ต่อด้วยของสหรัฐ คาดการณ์ไว้ที่ 54.8 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 54.9

วันพุธ ติดตามรายงานการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของญี่ปุ่น คาดการณ์ไว้ที่ 49.3 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 53.1 ส่วนของยุโรป คาดการณ์ไว้ที่ 51.2 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 51.4 และเยอรมนีคาดการณ์ไว้ที่ 51.4 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50.6 และดัชนีราคาผู้ผลิตของยุโรป คาดการณ์ไว้ที่ -2.1% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -2.3% YoY

วันพฤหัสบดี ติดตามรายงานตัวเลขส่งออกของจีน คาดการณ์เพิ่มขึ้นที่ 5.5% เทียบกับเดือนก่อนที่ 2.4% ส่วนการนำเข้าคาดการณ์ลดลงที่ -0.3% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.3% ต่อด้วยยอดค้าปลีกของยุโรปคาดการณ์ไว้ที่ 2.2%YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.8% การประชุมธนาคารกลางของสหราชอาณาจักร คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 4.75% และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ

วันศุกร์ ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 4.75% ตัวเลขยอดการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นคาดการณ์ไว้ที่ 1.7% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -1.9% ต่อด้วยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ คาดการณ์ไว้ที่ 70.6 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 70.5

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย : KS เราประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 1,440 – 1,480 จุด ปัจจัยต่างประเทศตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลดลง Meta และ Microsoft เตือนถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของ AI ขณะที่เงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.1% และเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE เพิ่มขึ้น 2.7% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นที่ระดับ 4.28% รวมถึงตลาดจับตาการเลือกตั้งสหรัฐ วันที่ 5 พ.ย. นี้ โดยที่คะแนนนายโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาแซงนางกมลา แฮร์ริส ในรัฐ Swing States ปัจจัยภายในประเทศ รมว.คลัง คาดการณ์อยากเห็น GDP ปี 2025 จะเติบโตได้ 3.5% จาก ปี 2024 ที่มีโอกาสโตได้ที่ 2.7% และคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของไทยควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมราว 2% โดยเน้นการเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึงระดับ 89% ของ GDP และส่งเสริมการลงทุนต่างชาติด้วยการให้สิทธิ์เช่าที่ดินระยะยาวถึง 99 ปี ด้านนักวิเคราะห์ประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยปี 2024 อยู่ที่ 89.72

ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวออกด้านข้างในกรอบ 1,440 – 1,480 จุด คาดตลาดรอผลการเลือกตั้งสหรัฐ วันที่ 5 พ.ย. หรือวันที่ 6 พ.ย. ตามเวลาประเทศไทย มองหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตมาไทย ไม่ว่าผู้ชนะการเลือกตั้งจะเป็นใครก็ตาม และหุ้นท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วง High Season

Top Pick :

AMATA : ราคาพื้นฐาน 33.50

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AMATA จาก Backlog ที่ยังคงทำ All Time High อย่างต่อเนื่องมากถึง 19.4 พันล้านบาท ใน 3Q/24เพิ่มขึ้นจากใน 2Q/24 ที่ราว 16.9 พันล้านบาท โดย Backlog ของ AMATA มีความแข็งแกร่งมากจากการที่ลูกค้าต้องวางเงินมัดจำในสัดส่วนที่สูงราว 20-30% ซึ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เช่นกันใน 2Q/24 ถึง 8.8 พันล้านบาท เราคาดงบใน 3Q/24 จะมีการขายที่ดินเพิ่มเติมได้ 957 ไร่ และมีการโอนรับรู้รายได้ จำนวน 452 ไร่คาดกำไรโต 100%YoY นอกจากนี้เนื่องจากความต้องการของที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมในตอนนี้มีความต้องการสูงกว่าอุปทานเป็นจำนวนมาก จากการย้ายฐานการผลิตของจีนและไต้หวันทำให้ ทั้ง AMATA และ WHA สามารถปรับราคาขายที่ดินได้ 10-15% ซึ่งอาจจะเป็น Upside สำหรับ GPM ในอนาคต

BA : ราคาพื้นฐาน 26.87 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่องบ BA ใน 3Q/24 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยวสมุย ซึ่งมีการแข่งขันที่ค่อนข้างต่ำและกำลังเข้าสู่ Golden Week ของนักท่องเที่ยวจีนในสัปดาห์นี้ โดย BA มีเส้นทางบินไปยังสมุยราว 60% ของรายได้จากสายการบิน นอกจากนี้เรามองว่ากลุ่มสายการบินทั้ง BA จะได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้และต้นทุนน้ำมันขาลงจากราคาน้ำมัน Jetuel ที่มีราคาลดลงต่ำกว่า 90 ดอลลาร์ ในช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน นอกจากนี้ เราคาดงบใน 3Q/24 จะรายงานกำไรราว 955 ล้านบาท เติบโตขึ้น 13%YoY แล้วคาดว่าหากมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติมเรามองกลุ่มสายการบินน่าจะได้รับประโยชน์มากกว่ากลุ่มโรงแรมในปี 2025