MINT กำไรจากดำเนินงาน Q3/67 ที่ 2,636 ลบ. เติบโต 16% มองแนวโน้ม Q4

#MINT #ทันหุ้น-บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราการทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.3% การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถเชิงกลยุทธ์ของ MINT ที่ได้รับประโยชน์จากการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน และราคาห้องพักเฉลี่ยของกลุ่มโรงแรม ควบคู่ไปกับผลการดำเนินงานของทั้งสองธุรกิจ ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการขับเคลื่อนของอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น

ในไตรมาส 3/67 มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อม (Core EBITDA) เติบโต 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 12,036 ล้านบาท ยกระดับอัตราการทำกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA Margin) เพิ่มขึ้นเป็น 28.6% จาก 27.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การขยายตัวของอัตราการทำกำไรได้รับแรงผลักดันจากการเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทนผ่านการบริหารช่องทางในการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะช่องทางจองโรงแรมโดยตรงที่เพิ่มสูงขึ้น และการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามารับประทานอาหารในร้านอาหารเพิ่มขึ้น พร้อมด้วยการควบคุมต้นทุนอย่างมีวินัยและเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนของการดำเนินงานส่วนกลาง ทำให้สามารถบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรโดยรวมเพิ่มขึ้น

ด้านรายได้จากการดำเนินงานไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 42,028 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เป็นผลมาจากแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของกลุ่มโรงแรมของบริษัท ทั้งจากรายได้ค่าเฉลี่ยต่อห้องต่อคืน(RevPar) และราคาห้องพักเฉลี่ย(ADR) ที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูท่องเที่ยวไฮซีซั่นของยุโรป รวมถึงในไทย แม้ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูฝน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการสำหรับการเดินทางเพื่อธุรกิจและการพักผ่อนที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการบริหารรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร การเติบโตยอดขายต่อร้านเดิมหรือ SSSG ของแบรนด์หลักในไทยและสิงคโปร์ได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ การตลาดแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย และการบริหารจัดการรายได้เชิงกลยุทธ์สำหรับการมารับประทานอาหารที่ร้านและช่องทางเดลิเวอรี่ ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณและยอดขาย

**แนวโน้มในอนาคต

ไมเนอร์ โฮเทลส์ โรงแรมในทวีปเอเซียพร้อมตอบสนองความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าสู่ไตรมาส 4/67 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว โดยปริมาณการจองโรงแรมที่สูงกว่าในช่วงปีที่แล้ว จากการฟื้นตัวของจำนวนเที่ยวบินและความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวของสนามบินเพิ่มขึ้น

สำหรับทวีปยุโรป การเดินทางเพื่อธุรกิจและการพักผ่อนยังคงแข็งแกร่ง โดยยอดจองโรงแรมของนักเดินทางกลุ่มองค์กรเพิ่มสูงขึ้นในเดือน ต.ค. และ พ.ย. และยังคงมีความต้องการเดินทางเพื่อการพักผ่อนต่อเนื่องไปจนถึงธ.ค. ในไตรมาส 4/67 ส่วนของการจองโรงแรมล่วงหน้ามีแนวโน้มเติบโตด้วยตัวเลขหลักเดียวที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ไมเนอร์ ฟู้ด มีธุรกิจร้านอาหารที่หลากหลาย ซึ่งสามารถจะได้รับประโยชน์จากเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองนี้การเข้ามารับประทานอาหารที่ร้านเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในไทยและสิงคโปร์ จากจำนวนลูกค้าที่ผ่านแคมเปญใหม่ๆ และเมนูพิเศษที่ปรับให้เหมาะกับโอกาสของการเฉลิมฉลองในไตรมาส 4/67 โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าและเพิ่มการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อลูกค้าให้สูงขึ้น แบรนด์ร้านอาหารต่างๆ ภายใต้ธุรกิจของบริษัทยังคงเป็นผู้นำในตลาด โดยสเวนเซ่นนำเสนอของหวานตามเทศกาล ในขณะที่เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และซิซซ์เลอร์ กำลังเปิดตัวเมนูที่ออกแบบมาสำหรับการสังสรรโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ยังได้ยกระดับแบรนด์เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าในตลาดใหม่ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทั่วโลก เช่นการปรับแบรนด์เบนิฮานา เพื่อให้เป็นที่รู้จักในระดับสากลมากขึ้น ส่วนในจีน แบรนด์ร้านอาหารที่มีราคาเข้าถึงง่ายขึ้นได้ใหม่เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายในตลาดเพิ่มเติม และในไทย บริษัทเตรียมเปิดตัวร้านสเต๊กในราคาที่ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในการรับประทานอาหารที่มีคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า