#JMT #ทันหุ้น- JMT ปลื้มตั้งสำรอง ECLลดลงสำเร็จตามแผน ลุ้นโค้งสุดท้ายแตะระดับดีที่สุดของปี ลั่นผลงานเข้าโหมดเทิร์นอะราวด์ ส่วนปี 2568 ตั้งงบซื้อหนี้เข้าพอร์ตราว 2,500-5,000 ล้านบาท เน้นประมูลสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน พร้อมเตรียมออกหุ้นกู้รวมวงเงิน 4,500 ล้านบาท ใช้ลงทุน และชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดปี 2568 วงเงินรวม 6,400 ล้านบาท

นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMTเปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของบริษัทเข้าสู่โหมดเทิร์นอะราวด์ (Turnaround) ได้อย่างแข็งแกร่งตั้งแต่งวดไตรมาส 4/2567 ต่อเนื่องทั้งปี 2568 เป็นต้นไป หนุนจากลูกหนี้เริ่มมีความสามารถในการผ่อนชำระได้ในระดับปกติ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss : ECL) ทยอยปรับลดลง

“ไตรมาส 4 โดยปกติผลเรียกเก็บเงินสดจะดีเพราะเข้าสู่ช่วงที่จะได้รับโบนัส รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจก็เริ่มกลับมาคึกคักขึ้น ลูกค้าก็เริ่มกลับมาจ่ายได้ปกติจึงคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ส่วนของ JK มีทิศทางเป็นบวกปี 2567 นี้ คาดว่า JK AMC จะเติบโตได้ประมาณ 10%ไม่มีอะไรน่ากังวล”

*เตรียมแผนงานปี 68

พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผนการดำเนินงานปี 2568 เบื้องต้นมีแผนการออกหุ้นกู้วงเงิน 4.5 พันล้านบาท เพื่อนำมาชำระหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนรวมวงเงินราว 6.4 พันล้านบาท รวมถึงตั้งงบประมาณการซื้อทรัพย์เข้ามาบริหารจัดการราว 2,500 – 5,000 บาท มุ่งเน้นการประมูลซื้อหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน (UnSecure Lone) เป็นหลัก โดยยังไม่มีแผนการจัดตั้งกิจการร่วมค้า (JV) ร่วมกับสถาบันการเงินเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “จ่ายดี” ขึ้นมาอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าทั้งการผ่อนชำระค่างวด, การเช็กสถานะ เช็กวงเงินสินเชื่อ, การยื่นขอเพิ่มวงเงินสินเชื่อ ฯลฯ รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทให้ลูกค้าเลือกใช้บริการอย่างสะดวก

“ด้วยมาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม Responsible Lending โดยให้ปรับโครงสร้างหนี้ และเมื่อตกมาอยู่ Tier 2 ก็ต้องเปิดโอกาสให้ปรับโครงสร้างหนี้อีก 1 ครั้ง บริษัทจึงต้องติดตามว่าสถาบันการเงินตัดขายหนี้ออกมาในช่วงไหน โดยตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป บริษัทจะไม่มีภาระหนี้สินที่มีอัตราดอกเบี้ยจ่าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนศักยภาพการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”

*กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น

นายสุทธิรักษ์  ตรัยชิรอาภรณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT กล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อรวม JK AMC ที่ราว  534,864ล้านบาท ผลเรียกเก็บเงินสดที่ราว 6,479ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากที่ทำได้ช่วงเดียวกันปี 2566 ที่ 6 224ล้านบาท ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) งวด 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 2,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วที่ทำได้ 2,574 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่า Gross Margin ปี 2568 จะเฉลี่ยที่ประมาณ 67%

"การแก้ไข ECL ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาถือว่าได้ผล สามารถคุมสถานการณ์ได้ไม่เกิน 70 ล้านบาทต่อไตรมาสได้ตามแผนที่วางไว้ และตั้งแต่ไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงปีหน้าคาดว่า ECL เฉลี่ยที่ราว 67-69 ล้านบาทต่อไตรมาส จึงพูดได้ว่า JMT ได้ผ่านจุดต่ำสุดส่าสุดไปแล้ว ปัจจุบัน JMT อยู่ในช่วง Turnaround"

*แนะ “ซื้อ” เป้า 22.80 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด  (มหาชน) คาดการณ์กำไรงวดไตรมาส 4/2567 ของ JMT มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ และอาจแตะระดับสูงสุดของปี แต่มีแนวโน้มลดลง YoYหนุนจากความสามารถในการเรียกเก็บเงินสดที่เริ่มเร่งตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แต่ ECL จะยังลงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบ QoQ โดยประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2567 ไว้ที่ 1,667 ล้านบาท ลดลง 17% YoY แค่จะเร่งตัวราว 17.4% YoY แตะ 1,956 ล้านบาท ในปี 2568 จึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสมปี 2568 ที่ 22.80 บาท