#ทันหุ้น - บล.ทรีนีตี้ ส่อง บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กำไร Q3/67 อ่อนตัวเหลือ 70 ล้านบาท เป็น Low season แต่ Q4/67 คาดจะกลับมาบวกแรง เข้า High Season การเดินทาง
คงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 11 บาท อิง Avg PER ที่ 14.5 เท่า และคงคำ แนะนํา Trading Buy แนวโน้มระยะสั้นอาจจะถูกกดดันจากผลการดําเนินงานที่อ่อนตัว แต่จะเป็นจังหวะซื้อ ช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่มีการบริโภคน้ำมันมากจากช่วงวันหยุดยาว
PTG รายงานกําไร Q3/67 อ่อนตัวเหลือ 70 ล้านบาท +261% YoY, -85% QoQ ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด โดยกำไรที่ลดลงนั้นมาจากทั้งปริมาณขายที่ลดลงผลของฤดูกาล และ Margin ต่อลิตรที่ปรับลดลง
ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 1 พันล้านบาท +26% YoY จากค่าการตลาดที่ระดับปกติ 1.7 บาทต่อลิตร และแนวโน้ม Q3/67 จะเป็นช่วง Low Season หน้าฝนปริมาณการใช้น้ำมันลดลง แต่จะกลับมาโดดเด่นในช่วงไตรมาส 4 ที่มีการเดินทางมาก คาดกำไรน่าจะกลับมาในระดับ 200-300 ล้านบาทต่อไตรมาสได้
ด้าน บล.หยวนต้า ระบุ PTG รายงานงบ Q3/67 กำไรสุทธิอยู่ที่ 70 ล้านบาท (-85% QoQ, +261% YoY) ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัย และ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ 28-33% สาเหตุหลักมาจากอัตราภาษีจ่ายสูงกว่าคาด (Effective tax rate อยู่ที่ 50% vs คาดไว้ 30%)
ภาพรวมผลประกอบการ -85% QoQ จาก 1) ปริมาณขายน้ำมันที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล และเหตุการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ 2) SG&A เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายบุคลากรตามจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น, ค่าเสื่อมราคาของสาขาใหม่, ค่าใช้จ่ายการส่งเสริมการขาย 3) อัตราภาษีจ่ายสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการธุรกิจ Non-oil และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจ Palm Complex แข็งแกร่งเติบโตทั้ง QoQ และ YoY โดยหลักมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของร้านกาแฟพันธุ์ไทย, กลยุทธ์บัตร PT Max Card, การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต นอกจากนี้เมื่อเทียบ YoY ผลประกอบการเติบโตสูง เพราะปริมาณขายน้ำมันขยายตัว +12% YoY ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในประเทศ
สำหรับ Q4/67 แม้ SG&A จะปรับตัวขึ้นจากค่าใช้จ่ายช่วงปลายปีและการเร่งขยายสาขาธุรกิจ Non-oil อย่างไรก็ตาม คาดกำไรปกติเติบโต QoQ หนุนจาก 1) ยอดขายน้ำมันเร่งตัวตามปัจจัยฤดูกาลทั้งกิจกรรมเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายปีและผ่านพ้นฤดูมรสุม 2) กลยุทธ์บัตรสมาชิก PT Max card 3) อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ 4) ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจน้ำมันปาล์มมีโอกาสเร่งตัวจากการพุ่งขึ้นของราคา CPO แตะระดับสูงสุดรอบกว่า 2 ปี
งบ 9M67 ทำได้ 72% ของทั้งปีขณะที่ Q4/67 เร่งตัวขึ้น ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่1.1 พันล้านบาท ยังมีความสมเหตุสมผล
ประเด็นข่าวคุณภาพอาหารของสาขา Subway ที่ถกู ยกเลิกสิทธิ์Franchise ไปแล้ว เป็น Sentiment ลบต่อภาพลักษณ์ร้าน Subway ซึ่งขณะนี้บริษัท โกลัค (บริษัทย่อยของ PTG ถือหุ้น 70%) เป็นผู้ได้รับสิทธิแบรนด์ Subway เพียงผู้เดียวในประเทศไทย อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทเจ้าของแบรนด์อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว อีกทั้งฝ่ายวิจัยมองว่าผลกระทบต่อ PTG ค่อนข้างจำกัด เพราะบริษัทฯ ลงทุนซื้อสิทธิ Franchise มูลค่าตามสัดส่วนเพียง 35 ล้านบาท
บริษัทฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 1.1% ขึ้น XD วันที่ 26 พ.ย. จ่ายเงินวันที่ 12 ธ.ค.
ช่วง 6 เดือนข้างหน้าคาดผลประกอบการ Q4/67 – Q1/68 จะฟื้นตัวตามปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากอัตราภาษีจ่ายใน Q3/67 เร่งตัวขึ้นมาก ซึ่งอาจมีผลต่อประมาณการปี 2568 ดังนั้น ทางพื้นฐานคงคำแนะนำ TRADING ไว้ก่อนราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่11.00 บาท
ฟาก บล.เคจีไอ มอง PTG กำไรสุทธิ Q3/67 อยู่ที่ 70 ล้านบาท (+261% YoY, -85% QoQ) ต่ำกว่า Bloomberg consensus 24% และต่ำกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัย 23% โดยส่วนต่างคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 20 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A สูงกว่าคาดที่ 3.295 พันล้านบาท (ฝ่ายวิจัยใช้สมมติฐานที่ 3.28 พันล้านบาท) ถึงแม้ว่าผลประกอบการจะแผ่วลง QoQ ใน Q3/67
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าน่าจะดีดตัวขึ้น QoQ ใน Q4/67 เพราะค่าการตลาดน้ำมันและปริมาณยอดขายน้ำมันน่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง high season ของการท่องเที่ยวไทย ดังนั้น คงคำแนะนำซื้อ PTG และคงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 11.30 บาท อิงจาก PE ที่ 13.0x
ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ชี้ PTG กำไรสุทธิ Q3/67 ฟื้นตัว +260%YoY เป็น 70 ล้านบาท แต่ลดลง -85%QoQ และต่ำกว่าที่ตลาดคาด การเติบโต YoY มาจากปริมาณขายเพิ่ม +12%YoY เป็น 1,577 ล้านลิตร ส่วน
การลดลง QoQ มาจากปริมาณขายหดตัว -8%YoY เพราะถูกกระทบจากน้ำท่วม และค่าการตลาดน้ำมันลดลง -5%QoQ เป็น 1.65 บาท/ลิตร ไตรมาสนี้มีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 43 ล้านบาท ดีขึ้น YoY และ QoQ
ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท/หุ้น ขึ้น เครื่องหมาย XD วันที่ 26 พ.ย.24
แนวโน้มกำไรหลัก Q4/67 ดีขึ้น QoQ หนุนโดย ความต้องการซื้อน้ำมันที่เพมิ่ ขึ้นในช่วง high season ของท่องเที่ยวและค่าการตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้น QoQ
คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 10.40 บาท (DCF) ทั้งนี้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 67-68 เติบโต +36% และ +15% ตามลำดับ คาด DY ไว้ที่ 3%+ต่อปี
ส่วน บล.กสิกรไทย มองกําไรไตรมาส 3/2567 อ่อนตัวตามคาดที่ 70 ลบ. เพิ่มขึ้น 261% YoY แต่ลดลง 85% QoQ ซึ่งกําไรที่เพิ่มขึ้นเชิง YoY ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจาก 1) ปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 12% YoY หนนุ จากสิทธิประโยชน์ของระบบสมาชิก (บัตร PT Max) ที่มีประสิทธิภาพ และ 2) กําไรขั้นต้นจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) ที่เพิ่มขึ้น 31% YoY ซึ่งได้รับแรงหนุนจากร้านกาแฟพันธุ์ไทย
แต่กําไรที่อ่อนตัวเชิง QoQ เกิดจาก 1) ปริมาณการขายน้ำมันที่ลดลงตามฤดูกาล 2) อัตรากําไรจากธุรกิจน้ำมันที่ลดลงเหลือ 1.65 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นผลมาจากการไม่มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน เนื่องจากไม่มีการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล และ 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อลิตร (SG&A) ที่เพิ่มขึ้น 12% QoQ จากการขยายสาขาธุรกจิ non-oil
ทั้งนี้กําไร 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 793 ลบ. คิดเป็น 60% ของประมาณการทั้งปีของฝ่ายวิจัย
แนวโน้มตรมาส 4/2567 เป็นบวก ฝ่ายวิจัยคาดว่ากําไรไตรมาส 4/25667 ของ PTG จะเพิมขึ้น QoQ จากปริมาณการขายน้ำมันที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่งโดยปกติแล้วจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% QoQ นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยว่าอัตรากําไรน้ำมันไตรมาส 4/2567 ของ PTG จะปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง 2% QTD โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลงจะลดแรงกดดันต่อค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกได้ เนื่องจากการปรับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะช้ากว่าเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันดิบ
ประกาศจ่ายปันผล 0.1 บาท สําหรับผลประกอบการช่วง 9 เดืนแรกของปี 2567 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 1.1% โดยบริษัทจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 พ.ย. และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 ธ.ค.นี้
คงคําแนะนํา “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 10.90 บาท คําแนะนําของฝ่ายวิจัยอิงจาก 1) แนวโน้มที่สดใสขึ้นในไตรมาส 4/2567 และ 2) มูลค่าหุ้นที่ไม่แพง ด้วย PBV ที่เกือบ 1.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต โดยราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยที่ 10.90 บาท คํานวนดว้ยวิธี SOTP โดยมีส่วนลด 20% เพื่อสะท้อนความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านพลังงานที่อาจเกิดขึ้น
ด้าน บล.ดาโอ คงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายที่ 10.00 บาท อิง PER 13X หรือเทียบเท่า -1SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ทั้งนี้บริษัทประกาศกำไรสุทธิ Q3/67 ที่ 70 ล้านบาท (+260% YoY, -85% QoQ) ต่ำกว่าตลาดประเมินที่ 92 ล้านบาท โดย YoY เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ Oil มีปริมาณขายมากขึ้น และธุรกิจ Non-Oil ยังคงขยายตัวใน ขณะที่ QoQ ลดลงจากปัจจัยฤดูกาล
ธุรกิจ Oil โดย Q3/67 ธุรกิจ Oil มี sales volume 12% YoY, -8% QoQ ในขณะที่ marketing margin อยู่ที่ 1.65 บาท/ลิตร (ทรงตัว YoY, -5% QoQ) ส่งผลให้ Oil GP +11% YoY, -12% QoQ ในขณะที่ส่วนของ Non-oil GP +31% YoY, ทรงตัว QoQ โดย major growth contribution มาจากกาแฟพันธุ์ไทย
เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 1.2 พันล้านบาท (+25% YoY) หากใน Q4/67 Oil sales volume growth และ marketing margin อยู่ในระดับ 10%-15% และ 1.75 บาท/ลิตร ตามลำดับ ประเมินกำไร Q4/67 ที่ระดับ 400-500 ล้านบาท ฟื้นตัว QoQ
ราคาหุ้น underperform SET ราว -11% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ความผันผวนของค่าการตลาด รวมถึงประเด็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นปัจจัยกดดัน แม้ปัจจุบันราคาหุ้นลงมาเทรดใน band -1SD (เป็นกรอบต่ำสุดในรอบ 3 ปี) แต่ประเด็นดังกล่าวคาดว่ายังเป็นปัจจัย overhang ราคาหุ้นให้กลับไป outperform ตลาดได้ยาก
ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม