#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,440 จากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้น DELTA ที่ถูกสั่งให้ซื้อขายในบัญชี Cash Balance ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,440 ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,420 โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,460
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ CPN หรือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจพัฒนาและให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่และประกอบธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องและส่งเสริมธุรกิจ พัฒนาศูนย์การค้า เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์อาหาร โรงแรม และที่พักอาศัยเป็นต้น รวมถึงการลงทุนในกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ และกองทรัสต์
ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 67 มีกำไรสุทธิ 4,125 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.92 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 66 ที่มีกำไรสุทธิ 4,161 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.93 บาท
ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ 12,835 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.86 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 66 มีกำไรสุทธิ 11,085 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.48 บาท
CPN เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 4,126 ล้านบาท ทรงตัวจากงวดเดียวกันปี 66 ส่วนงวด 9 เดือนปี 67 มีกำไร 12,836ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากงวดเดียวกันปี 66 ที่มีกำไร 11,085 ล้านบาท
รายได้รวมในไตรมาส 3 (รวมรายได้อื่น) ที่ 12,284 ล้านบาท และกําไรที่ 4,126 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระดับใกล้เคียงกับระดับของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 รายได้รวมและกําไรลดลง 9% โดยรายได้จากธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรมยังเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า จากการเพิ่มขึ้น ของพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ เซ็นทรัล นครสวรรค์ และเซ็นทรัล นครปฐม รวมถึงรายได้ของผู้เช่าใน ศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจที่พักอาศัยลดลงเนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมหลายแห่งที่ทยอย โอนตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2566 มีการโอนกรรมสิทธิ์ครบแล้วในไตรมาสนี้ ในส่วนของค่าใช้จ่าย แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยสัญญาเช่าจากการต่อสัญญาที่ดินโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า แต่ผลกระทบดังกล่าวได้ถูก หักล้างจากอัตราค่าไฟที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน (จากหน่วยละ 4.70 บาท ในเดือนก.ค.-ส.ค. 2566 เหลือหน่วย ละ 4.18 บาท ในไตรมาส 3 ปี 2567) และรายได้จากการต่อสัญญาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า กับ CPNREIT
หากไม่นับรวม 1. ผลกระทบทางบัญชีจากสัญญาเช่าโครงการเซ็นทรัล พระราม 2 ซึ่งรอการ ชําระเงินจาก CPNREIT ในรายได้จากการลงทุน 380 ล้านบาท (หลังหักภาษี) 2. ค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยสัญญาเช่าจาก การต่อสัญญาที่ดินของเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ที่ 330 ล้านบาท (หลังหักภาษี) และ 3. รายได้จากการต่อสัญญาเซ็นทรัล ปิ่น เกล้า กับ CPNREIT ที่ 154 ล้านบาท (หลังหักภาษี) บริษัทจะมีกําไรสุทธิหลักจากการดําเนินงาน ที่ 3,922 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อนหน้า
โดยแยกธุรกิจของ CPN มีดังนี้
1.ธุรกิจให้เช่าและบริการ มีรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อน จากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ให้เช่าและอัตราการเช่าใน 3ศูนย์การค้า ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์ วิลล์ นครสวรรค์ นครปฐม รวมถึงรายได้ของผู้เช่าในศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของอัตราการเช่าข้างต้น และอัตราค่าเช่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้รายได้ในธุรกิจให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อน
2. ธุรกิจบริการศูนย์อาหาร มีรายได้ 268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%จากปีก่อน แต่ลดลง 7% จากไตรมาสก่อน ด้วยปัจจัยทางฤดูกาล โดยรายได้ธุรกิจศูนย์อาหารที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาจากจํานวนศูนย์อาหารที่เพิ่มขึ้นใน 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ (ไตรมาส 4 ปี 2566) เซ็นทรัล นครสวรรค์ (31 ม.ค. 2567) และเซ็นทรัล นครปฐม (30 มี.ค. 2567)
3. ธุรกิจโรงแรม มีรายได้ 472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%จากปีก่อน และ 4% จากไตรมาสก่อน อัตราการเข้า พักเฉลี่ยอยู่ที่ 71% ใกล้เคียงไตรมาสก่อน โดยมีอัตราค่าห้องพักรวมเฉลี่ย (ADR) ลดลง 11% จากปี ก่อน และ 6% จากไตรมาสก่อน เนื่องจาก โรงแรมที่เปิดให้บริการใหม่มี ARD ในระดับต่ำกว่าโรงแรมเดิม รายได้ธุรกิจโรงแรมปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนเนื่องจาก RevPar ของแต่ละโรงแรมปรับตัวดีขึ้น และรายได้เพิ่มขึ้น จากโรงแรมแห่งใหม่ อย่างไรก็ตาม โรงแรมฮิลตัน พัทยา ยังคงเป็นโรงแรมที่สร้างรายได้หลักในธุรกิจโรงแรมของ บริษัท โดย RevPar ลดลงร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน จากปัจจัยทางฤดูกาล
4. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย มีรายได้ 991 ล้านบาท ลดลง 49%จากปีก่อนและจากไตรมาสก่อน โดยการ โอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมลดลง 67% จากปีก่อน และ 62% จากไตรมาสก่อน ซึ่งสอดคล้องกับ แผนการโอน โดยโครงการเอสเซ็นท์ โคราช เอสเซ็นท์ หาดใหญ่ เอสเซ็นท์ วิลล์ อยุธยา และฟีล ภูเก็ต มีการโอน กรรมสิทธิ์ครบแล้วในไตรมาสนี้ ขณะที่การโอนโครงการแนวราบอยู่ระดับใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาส ก่อน 27%
5. รายได้อื่น รวม 41 ล้านบาท ลดลง 193% จากปีก่อน และ 168% จากไตรมาสก่อน โดยเป็นผลกระทบ ทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการดําเนินงานในต่างประเทศและการลงทุนอื่นของบริษัท
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปสร้างฐานที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 61.00-62.00 หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคที่แนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 68.00 ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 57.00 ตามโครงสร้างแนวโน้มขาลง โดยมีแนวต้านที่ 65.00 และ 68.00 เป็นแนวต้านสำคัญ
ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม