เคาะ BBL

#ทันหุ้น - BBL รายงานกำไรสุทธิ 3Q24 เท่ากับ 1.25 หมื่นล้านบาท (+5.7%QoQ, +9.9%YoY) มากกว่าที่คาด 8% จากรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าคาด และการตั้งสำรองที่น้อยกว่าคาด

แนวโน้ม 4Q24F คาดว่าจะอ่อนตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลของค่าใช้ที่สูงขึ้น รวมถึงได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเต็มไตรมาส แต่ทั้งนี้อาจเห็นการฟื้นตัวของสินเชื่อ และการตั้งสำรองที่ทรงตัว ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิในปี 24-24F เท่ากับ 4.6 หมื่นล้านบาท +11%YoY และ 4.9 หมื่นล้านบาท +6.5%YoY โดยกำไรสุทธิ 9M24 เท่ากับ 3.48 หมื่นล้านบาท +6.2%YoY คิดเป็น 76% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 24F ของเรา

การยื่นขอใหบนุญาต Virtual Bank: BBL ร่วมมือกับ BTS, Shopee ผ่าน Sea group (ดำเนินธุรกิจ VB ในสิงคโปร์), เครื่องสหพัฒน์และไปรษณีย์ไทย ซึ่งผู้บริหารมองว่าเป็นการลงทุนเพื่อเรียนรู้ และจากข้อมูลในต่างประเทศพบว่า VB ส่วนใหญ่มักไม่ประสบความสำเร็จและขาดทุน โดยปัจจัยที่จะทำให้สำเร็จในมุมมองของผู้บริหารได้แก่ 1. เทคโนโลยีที่พร้อม เพราะต้นทุนการเริ่มลงทุนค่อนข้างสูง 2. ฐานข้อมูลที่จำเป็นเพื่อศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า 3. ความสามารถในการจัดการความเสี่ยง

เราแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายสิ้นปี 25F เท่ากับ 185.00 บาท อิง PBV ที่ 0.62เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลังระยะยาว (0.72 เท่า) – 0.5 SD ซึ่งมี valuation ที่ กลุ่มธนาคารในปัจจุบันที่ซื้อขายบนค่าเฉลี่ยระยะยาว – 1.0 SD เนื่องจาก BBL มีฐานลูกค้าสินเชื่อธุรกิจที่แข็งแกร่ง ทำให้ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่น้อย นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์จากเงินทุน FDI ที่ไหลเข้าหนุนสินเชื่อสำหรับ working capital ของลูกค้าต่างชาติ ทั้งนี้ด้วยการดำเนินธุรกิจที่ conservative มาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่าน Coverage ratio ที่อยู่ในระดับสูงที่สุดของกลุ่มธนาคาร และมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคตได้ดี เราเลือกเป็น top pick ของกลุ่ม

ทั้งนี้ผู้บริหารเริ่มพูดถึงการเพิ่มขึ้นของอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ระดับ 30-40% จากปี 23 ที่ระดับ 32% โยเราคาดตั้งแต่ปี 24F ธนาคารจะปรับเพิ่มขึ้นของระดับการจ่ายปันผลเป็น 40% คิดเป็น Div. Yield ต่อปีที่ไม่ต่ำกว่า 5% ตลอดช่วงปี 24-26F

ในเชิง sentiment รับปัจจัยบวกจาก 1. แนวโน้ม FDI ไหลเข้า ที่ BBL จะเป็นธนาคารเป้าหมายที่จะแหล่งเงินทุนของบริษัทต่างชาตโดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อ working capital ในช่วงแรก รวมถึงแนวโน้มการลงทุนภาครัฐและเอกชนในปีหน้าจะเร่งตัว 2. การปรับลดการส่งเงินเข้ากองทุน FIDF ทำให้แนวโน้มต้นทุนทางการเงินของธนาคารลดลง หนุนให้ NIM ปีหน้ายังทรงตัวใกล้เคียงในปีนี้ที่ราว 3%

แนะนำ “เคาะ” ครับ ทางด้านปัจจัยเทคนิค ระยะสั้นระดับราคาและแท่งเทียนสร้างจุดสูงที่ 152 มีแรงข่ายปรับลงทดสอบยืนกรอบแนวรับSMA5วันที่ตัดSMA13วันขึ้นมา(Golden Cross) บริเวณ 148.50-148 ทดสอบยืนมั่นคงแนวโน้มกลับขึ้นทางเทคนิคหรือแกว่งขึ้นตามกัน แนวต้า 150 ผ่านยืนและมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นBuy Sig

คำแนะนำ ASL

กรณี “มีหุ้น” ถือ/ซื้อเพิ่ม ลุ้นทดสอบแนวต้าน 150/152/155
กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 148.50-148 ไม่ควรต่ำกว่าลงมา