#CPF #ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากเคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือระดับ 1,420 ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านที่ 1,440 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,455
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ CPF หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารที่จำแนกธุรกิจหลักตามลักษณะของผลิตภัณฑ์ ออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ 2. ธุรกิจเลี้ยงสัตว์-แปรรูป (Farm-Processing) ได้แก่ การเพาะพันธุ์สัตว์ การเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้า และการแปรรูปเนื้อสัตว์ขั้นพื้นฐาน 3. ธุรกิจอาหาร (Food) ได้แก่ การผลิตเนื้อสัตว์แปรรูปกึ่งปรุงสุกและปรุงสุก และการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปหรืออาหารพร้อมรับประทาน รวมถึงกิจการค้าปลีกอาหารและร้านอาหาร
ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 7,308 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.91 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 ที่ขาดทุนสุทธิ 1,810 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.25 บาท
ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ 15,385 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.88 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 66 ที่ขาดทุนสุทธิ 5,328 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.73 บาท
CPF รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 7,308.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 504%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุน 1,810.90 ล้านบาท ส่งผลงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 15,385.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 388.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 5,328.41 ล้านบาท
โดยงวดไตรมาส 3/67 มีรายได้จาการขาย 142,703 ล้านบาท เป็นส่วนของกิจการต่างประเทศ 62% และกิจการในประเทศ 38% โดยยอดขายลดลง 1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการจำหน่ายธุรกิจไก่ครบวงจรบางส่วนในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนในช่วงปลายปี 66 หากไม่รวมรายการปรับโครงสร้างดังกล่าว จะมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากกิจการในต่างประเทศมีระดับราคาสินค้าดีขึ้นจากปี 66 โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา ทูร์เคีย และฟิลิปปินส์
ทั้งนี้กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น มีปัจจัยดังนี้
1. ระดับราคาสุกรในหลายประเทศมีการปรับตัวดีขึ้น จากระดับที่ต่ำจากภาวะสุกรล้นตลาดในปีที่ผ่านมา เป็นผลจากมีความสมดุลของปริมาณสุกรในตลาดและความต้องการบริโภคดีขึ้น รวมถึงรวมถึงภาวะโรคระบาดในสุกรที่เกิดขึ้นในบางประเทศ
2. ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ลดลง เนื่องจากการบริหารจัดการด้านประสิทธิภาพดีขึ้น ระดับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง รวมถึงการบริหารการวิจัยและการสรรหาวัตถุดิบทดแทนที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมด้วยต้นทุนที่ลดลง
3. ส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าอยู่ที่ระดับ 3,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 592% โดยหลักเป็นผลจากการดำเนินงานของบริษัทร่วมในประเทศจีน ที่ดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์และสุกร รวมถึง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL มีผลดำเนินงานดีขึ้น
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 26.00 ซึ่งคิดเป็นระดับ 50% ของการปรับตัวลดลงในระยะยาวตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยมีแนวรับที่ 23.00 และ 22.50 เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ โดยมีแนวต้านที่ 25.00 และ 26.00
ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม