#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคต่อเนื่องลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,410 หลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวรับที่ 1,430 ลงไป แต่เราคาดว่า แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวเหนือแนวรับที่ 1,410 กลับขึ้นไป โดยมีแนวต้านที่ 1,430 และมีแนวต้านสำคัญที่ 1,450

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ AWC หรือ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในประเทศไทย อันประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail and Commercial) ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail & Wholesale) และกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน (Office)

ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 67 มีกำไร 1,138 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.0356 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 66 ที่มีกำไรสุทธิ 1,136 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.0355 บาท

ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 67 มีกำไร 3,990 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.1247 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 66 ที่มีกำไรสุทธิ 3,679 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.1115 บาท

AWC รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 1,138.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,136 ล้านบาท สะท้อนผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการ ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เท่ากับ 3,918 บาท เติบโตขึ้น 16.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า มีลูกค้าเข้าใช้บริการศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนยังคงมีผลการดำเนินงานที่มั่นคง โดยกำไรจากการรวมมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 1,063 ล้านบาท

บริษัทมีรายได้รวมตามงบการเงิน เท่ากับ 4,841 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเติบโตของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ เป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก จากทุกกลุ่มโรงแรม สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักและใช้บริการต่าง ๆ ทำให้สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 58% ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ทั้งในส่วนของกลุ่มศูนย์การค้าและกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดย บริษัทมีกำไรจากการรวมมูลค่ายุติธรรม จำนวน 1,063 ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายกลุ่มธุรกิจอยู่ที่ 2,289 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับทิศทางของรายได้แม้อยู่นอกช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว โดยมีอัตราส่วนการส่งผ่านรายได้ไปยังอิบิทดา (Flow through) ในทุกกลุ่มธุรกิจปรับตัวดีขึ้น

บริษัทมีค่าใช้จ่ายส่วนบริหาร จำนวน 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเตรียมความพร้อมสำหรับการขยายการลงทุนทรัพย์สินในอนาคต

อิบิทดา ตามงบการเงินมีจำนวน 2,291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเติบโตหลักจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ โดยมีอัตราส่วนอิบิทดาต่อรายได้รวม อยู่ที่ 47.3%

ส่วนงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 3,990.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,67978ล้านบาท โดยมีรายได้รวมตามงบการเงิน อยู่ที่ 15,122 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการเนื่องจากมีผู้เข้าพักและใช้บริการโรงแรมเพิ่มสูงขึ้น

บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเท่ากับ 6,716 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ เนื่องจากมีผู้เข้าพักและใช้บริการโรงแรมเพิ่มสูงขึ้น และจำนวนทรัพย์สินดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น อาทิ โรงแรม เชียงใหม่แมริออท โฮเทล โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล และโรงแรม อินน์ไซด์ บายมิเลีย แบงค็อก สุขุมวิท

บริษัทมีค่าใช้จ่ายส่วนบริหารจำนวน 829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเตรียมความพร้อมสำหรับการขยายการลงทุนทรัพย์สินในอนาคต

อิบิทดาตามงบการเงินมีจำนวน 7,748 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ

นายกานต์ ปฏิเวธวรรณกิจ Chief Financial Officer บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยในงาน "Opportunity Day" ว่าสำหรับแนวโน้มแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงปลายปีนี้ถึงปี 68 บริษัทมีแผนที่จะเปิดดำเนินการโรงแรมใหม่จำนวน 3 แห่ง โดยแบ่งเป็นในช่วงปลายปีนี้จะเปิดให้บริการโรงแรมมีเลีย พัทยา ซิตี้ ขนาดจำนวน 234 ห้อง ซึ่งเป็นอสังหาแรกของบริษัทในพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรี และจะเปิดให้บริการ Okura Cruise ที่ ณ ท่าเรือของโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่นในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มโอกุระและช่วยบริการลูกค้าในกลุ่มโรงแรมและกลุ่มรีเทลของบริษัทได้ดี

ส่วนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 68 จะเปิดบริการโรงแรมอีกจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมแมริออท จอมเทียนบีท พัทยา ขนาดจำนวน 289 ห้อง และโรงแรมแฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท ขนาดจำนวน 344 ห้อง ซึ่งจะเป็นการเสริมจุดแข็งและเพิ่มศักยภาพในการรับลูกค้าในแบรนด์ที่บริษัทยังไม่มีอยู่

อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าภายในช่วงสิ้นปีนี้จะมีจำนวนห้องพักทั้งหมดรวม 6,263 ห้อง หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 82%เทียบกับก่อนโควิดและจากปีก่อนที่มีจำนวน 6,029 ห้อง

ด้านงบลงทุนนั้น บริษัทเตรียมแผนเงินลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 68-72) อยู่ที่ประมาณ 144,000ล้านบาทอย่างไรก็ตามสำหรับกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทจะมุ่งพัฒนาทรัพย์สินอย่างต่อเนื่องผ่านการเร่งพัฒนาทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นทรัพย์สินดำเนินงาน รวมถึงการเพิ่มศักยภาพของทรัพย์สินในช่วงดำเนินงานเริ่มต้น (RAMP UP) มาสู่ระดับดำเนินงานปกติ (BAU) เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด ขณะที่อสังหาที่เป็นรีเทลจะมีการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอด้วยการเปิดโครงการคุณภาพสนับสนุนการเป็น Lifestyle Destination เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจรีเทลและลูกค้าที่เช่าพื้นที่ของบริษัท รวมถึงตอบโจทย์นักท่องเที่ยวต่างประเทศ

ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 3.50 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.80 แต่เราคาดว่า ราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.80 เนื่องจากโครงสร้างในระยะยาวน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 3.50 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 3.30

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

X คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/