บล.กสิกรฯมองเป็นกลาง หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสัตว์

#หุ้นอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย

แนวโน้มการเติบโตชะลอตัว

การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยเพิ่มขึ้นเป็น 220.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. (+10.9% YoY, แต่ -4.7% MoM) หนุนจากการเติบโตของการส่งออกที่น่าประทับใจไปยังสหรัฐฯ และจีน

การนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยเดือนพ.ย.ในสหรัฐฯ มีผลงานที่โดดเด่น ส่งผลให้ไทยมีส่วนแบ่งการนำเข้าสูงสุดที่ 26% (+2.7 ppts YoY, แต่ -2.3 ppts MoM)

มองเป็นกลางต่ออุตสาหกรรม คงแนะนำ "ซื้อ" ส่าหรับ AAI และ "ถือ" สำหรับ ITC

Investment Topics

อาหารสัตว์เลี้ยงของไทยในเดือนธันวาคม การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยเพิ่มขึ้นเป็น 220.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10.9% YoY แต่ลดลง 4.7% MoM การส่งออกในไตรมาส 4/2567 รวมอยู่ที่ 682.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+16.3% YoY, -5.2% QoQ) ได้แรงหนุนจากฤดูกาลส่งออกในช่วงวันหยุดปลายปี การเติบโต YoY ของการส่งออกได้รับการสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ (+22.3% YoY, -4.2% MoM) และจีน (+15.0% YoY, -23.2% MoM) ในขณะที่การลดลง MoM มาจากการส่งออกที่อ่อนตัวลงไปยังญี่ปุ่น (-8.3% YoY, -16.1% MoM)

ข้อมูลอาหารสัตว์เลี้ยงของสหรัฐอเมริกาในเดือนพ.ย. การนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของสหรัฐฯ มีมูลค่า 278.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+18.4% YoY, -10.3% MoM) การนำเข้าจากไทยมีผลงานโดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่น ๆ ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 26% (+2.7 ppts YoY, -2.3 ppts MoM) นอกจากนี้ การนำเข้าจากไทยไปยังสหรัฐฯ มีมูลค่า 71.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+32.5% YoY, -17.6% MoM)

อาหารสัตว์เลี้ยงของจีน จีน ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในเอเชีย ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงมูลค่า 122.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 17.1% YoY แต่ลดลง 5.4% MoM โดยในจำนวนนี้มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ มูลค่า 23.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+35.6% YoY และ +4.4% MoM)

วัตถุดิบ ราคาเฉลี่ยของปลาทูน่าในเดือน ธ.ค.อยู่ที่ 1,540 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน (+6.2% YoY, -0.6% MoM) นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยของปลาทูน่าตลอดทั้งปีอยู่ที่ 1,438 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน (-19.4% YoY) เมื่อเทียบกับ 1,784 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ในปี 2566

มุมมองของเราเรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มของอุตสาหกรรม เนื่องจากการเติบโต YoY ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเวลา 4 เดือนติดต่อกัน ในปี 2567 คาดว่ายอดขายรวมของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงจะอยู่ที่ 2.36 หมื่นลบ. (+18.5% YoY) และขยายตัวเป็น 2.7 หมื่นลบ.ในปี 2568 หรืออัตราการเติบโตที่ลดลงเหลือ 14.5% YoY ในขณะเดียวกัน เราคาดว่ากำไรปกติของอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 4.9 พันลบ. (+78.5% YoY) ในปี 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 5.3 พันลบ.ในปี 2568 ซึ่งแสดงถึงอัตราการเติบโตที่ลดลงเหลือ 7.5%เราคาดว่า ITC จะเป็นปัจจัยฉุดการเติบโตของกำไรอุตสาหกรรมในปี 2568 โดยมีความท้าทายในการขยายอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เนื่องจากผลกระทบจากการกลับรายการสต๊อกสินค้าที่ลดลง และอัตราภาษีที่แท้จริงสูงขึ้นจากภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ (Global Minimum Tax หรือ GMT) ในระยะสั้น เราคาดว่า AAI จะมีกำไรเติบโตสองหลัก YoY อย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4/2567 แต่กำไรอาจลดลง QoQ เนื่องจากปัจจัยทางฤดูกาล ขณะเดียวกัน ITC ได้ให้แนวทางว่ายอดขายจะทรงตัว YoY โดยคาดว่า GPM จะลดลงเนื่องจากผลกระทบที่ลดลงของกำไรครั้งเดียวจากการกลับรายการตั้งสำรองหลังไตรมาส 3/2567

Valuation and Recommendation

"เป็นกลาง" เราคงมุมมองเป็นกลางต่ออุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง และคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ AAI ด้วยราคาเป้าหมายที่ 7.8 บาท เนื่องจากการขยาย GPM จากธุรกิจเดิมของบริษัทฯ และแนวโน้มยอดขายที่ดีขึ้นในไตรมาส 4/2567 ขณะเดียวกัน เรายังคงคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ ITC ด้วยราคาเป้าหมายที่ 20.10 บาท จาก GPM ที่ขยายตัวล่าสุดมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นจากกำไรครั้งเดียวจากการกลับรายการสำรอง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากอัตราภาษีที่แท้จริงที่สูงขึ้นจาก GMT

ปัจจัยกระตุ้นที่อาจเกิดขึ้นสำหรับอุตสาหกรรม ได้แก่ 1) แนวโน้มเงินบาทที่อ่อนค่าลงในปี 2568 โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ที่ 35.5บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ 34.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567 และ 2) อุปสงค์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงฟังก์ชันและพรีเมียมในระยะยาว AAI ยังเป็นหุ้นเด่นของเราจากมูลค่าหุ้นที่ไม่สูงและแนวโน้มการเดิบโตของกำไรที่สูงกว่า ITC ในปี 2568