29 มกราคม 2025 เวลา 17:53 น.
นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า ความผันผวนของการลงทุนจากหลากหลายสินทรัพย์รวมถึงหุ้นทั่วโลก ณ ปัจจุบัน สร้างสภาพการณ์การลงทุนที่ยากขึ้นเมื่อเทียบสภาวะการลงทุนในอดีต ขณะที่ธีมหุ้นโลกที่ให้เงินปันผลอาจเป็นทางเลือกการลงทุนที่ช่วยลดความผันผวนในระยะยาว เนื่องจากมีความสามารถทนทานต่อสภาวะเศรษฐกิจที่หลากหลาย ซึ่งหุ้นโลกของบริษัทที่ให้เงินปันผลโดยมากนอกจากจะมีผลการดำเนินงานที่ทนทานสภาวะเศรษฐกิจแล้ว ยังมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีส่วนแบ่งการตลาดที่โดดเด่น และมีฐานลูกค้าที่ใช้สินค้าและบริการอยู่ทั่วโลก แม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัว
*เน้นหุ้นโลกมีปันผล
ขณะเดียวกันหุ้นทั่วโลกที่มีความสามารถในการจ่ายปันผลได้สะท้อนความแข็งแกร่งของการดำเนินงานและกระแสเงินสดของกิจการ ซึ่งกิจการที่มีลักษณะสำคัญที่จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ คือกิจการที่มีผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดต่อเนื่อง แม้สภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงและมักเป็นผู้นำในสินค้าและบริการในแต่ละอุตสาหกรรม
ดังนั้นเพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนในระยะยาวไปกับหุ้นปันผลทั่วโลก บลจ.อีสท์สปริง จึงได้เปิดกองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Dividend Equity-Unhedged Fund (ES-GDIV-UH) ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 28 มกราคม จนถึง 5 กุมภาพันธ์ 2568 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาท
โดยเน้นลงทุนในกองทุน JPMorgan Investment Funds – Global Dividend Fund (กองทุนหลัก) ในหน่วยลงทุนชนิด Class C (acc) USD ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน บริหารจัดการโดย JPMorgan Asset Management (Europe)
ทั้งนี้กองทุนหลัก JPMorgan Investment Funds – Global Dividend Fund มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัททั่วโลกรวมถึงตลาดเกิดใหม่ที่สามารถสร้างรายได้ในระดับสูง ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 67 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนหลัก โดยมุ่งหวังสร้างโอกาสผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยเป็นกองทุน Global Dividend สไตล์หุ้นผสมผสานที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลเติบโตหรือมีความสามารถในการจ่ายปันผล เน้นคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom Up ราว 40-90 บริษัท
*กลุ่มธุรกิจที่เข้าลงทุน
สำหรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนหลักกระจายการลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี Semi & Hardware 11.2% กลุ่มธนาคาร 9.2% กลุ่มยาและเทคโนโลยีการแพทย์ 8.9% กลุ่มเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ 8.7% และกลุ่มค้าปลีก 8.7% และมีสัดส่วนการลงทุนในสหรัฐ 63.8% ยุโรป 16% ตลาดเกิดใหม่ 6% สหราชอาณาจักร 5.3% และเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น 4.1%
โดยมีการลงทุนหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ อาทิ Microsoft ผู้ผลิตและให้บริการ Software และCloud Computing รายใหญ่ของโลก, TSMC บริษัทผู้นำด้านการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกสัญชาติไต้หวัน, Meta Platforms บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการด้านโซเชียลมีเดียระดับโลกทั้ง Facebook, Instagram, WhatsApp และบริการด้านอื่น ๆ ,Fidelity National Info Services บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีในกลุ่มการเงินและการลงทุนที่หลากหลายสัญชาติสหรัฐ และ OTIS Worldwide บริษัทผู้ผลิตและซ่อมบำรุงลิฟต์ บันไดเลื่อน ทางเลื่อนรายใหญ่ของโลกสัญชาติสหรัฐ (ที่มา: JPMorgan Global Dividend Fund factsheet ณ วันที่ 30 พ.ย. 2567)
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม