โบรกฯ คาดหุ้นรับผลดี-ผลเสียจาก"ทรัมป์"ตั้งกำแพงภาษี มีหุ้นไหนบ้าง

#ทันหุ้น-ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า เมื่อวานนี้ ราคานมันดิบ Brent พุ่งขึ้นราว 1.6$ ทะลุ 75 เหรียญฯ /บาเรล สหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่านตามนโยบายของประธานาธิบดี ทรัมป์ อย่างไรก็ดี ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ยังต้องจับตามาตราการขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์ ที่อาจส่งผลให้สงครามการค้าขยายตัวใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่

1. ทรัมป์เตรียมประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กับหลายประเทศในสัปดาห์นี้ ชี้จะกระทบ “ทุกคน”

2. ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่ 25%จากทุกประเทศ คาดมีผลบังคับใช้ 4 มี.ค. 68 โดยข้อมูลในปี 2567 สหรัฐฯ มีการนำเข้าสินค้าใน

กลุ่มเหล็กและอะลูมิเนียมราว 6 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 2%ของทั้งหมด

สำหรับประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ ที่มีการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ไม่ได้มี “ไทย” อยู่ใน 10 อันดับแรก ขณะที่สินค้าหลักๆ ของไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ

อยู่ในกลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ส่วนสินค้าเหล็กกล้า และผลิตภัณ์ คิดเป็นเปนสัดส่วนราว 2.2%ของทั้งหมด

ทั้งนี้ประเด็นการตั้งแพงภาษีของ ปธน. อาจเข้ามากดดันราคาสินค้าในกลุ่มส่งออกไปสหรัฐฯ ผันผวนในช่วงสั้นๆ แต่อย่างไรก็ตามในระยะยาว คาดว่าสินค้าที่

ถูกกีดกันเหล่านั้น มีโอกาสหาตลาดใหม่แทนการพึ่งพาสหรัฐฯ จนราคาปรับเข้าสู่สมดุลในที่สุด

สรุป ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ มีแนวโน้มผันผวนในช่วงสั้นๆ โดยมีกลุ่มหุ้นที่อาจได้รับ Sentiment เชิงบวกและลบ ดังนี้

- ประเด็นสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน ผลักราคาน้ำมันดีดตัว คาดหนุนหุ้นกลุ่มอิงกับราคาขายน้ำมัน คือ PTTEP, BCP ส่วนของธุรกิจโรงกลั่น คือ TOP, PTTGC, IRPC, BCP, ESSO, SPRC

- ประเด็นการตั้งกำแพงภาษีเหล็กและอลูมิเนียม ในช่วงสั้นคาดกดดันหุ้น DOHOME, GLOBAL, OSP, CBG, CK, STECON

- ประเด็นกังวลทรัมป์ขึ้นกำแพงภาษีอื่นๆ กดดันหุ้น DELTA, CCET, KCE, HANA, STA