> Trendtalk > OR

19 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 06:30 น.

เจาะ OR

#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,240 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวไปทดสอบแนวต้านที่ 1,270 และ 1,280 เป็นแนวต้านสำคัญ


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ ธุรกิจกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ร้านสะดวกซื้อ และการบริหารจัดการพื้นที่


ผลการดำเนินงาน ปี 67 มีกำไร 7,650 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.64 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน ปี 66 ที่มีกำไร 11,094 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.92 บาท


ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2567 มีรายได้ขายและบริการ 723,958 ล้านบาท ลดลง 45,783 ล้านบาท หรือลดลง 5.9% จากปี 2566 โดยหลักจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงและราคาน้ำมันในตลาดโลกเฉลี่ยปรับลดลงของกลุ่มธุรกิจ Mobility โดยรายได้ขายลดลง 7.4% สวนทางกับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่เพิ่มขึ้น 8.2% ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม โดยในปี 2567Cafe Amazon มียอดขายรวมกว่า 400 ล้านแก้ว ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ กลุ่มธุรกิจ Global ปรับเพิ่มขึ้น 10.9% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก และมี EBITDA จำนวน 17,666 ล้านบาท อ่อนตัวจากกลุ่มธุรกิจ Mobility แต่ กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ยังแข็งแกร่งโดยปรับเพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งกลุ่มธุรกิจ Global ก็ปรับเพิ่มขึ้นโดยหลักจากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ฟื้นตัวในประเทศฟิลิปปินส์


ภาพรวมค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิปกติยังปรับลดลง 11.7% โดยหลักจากค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย ซึ่งในปีที่ผ่านมามีค่าใช้จ่ายพิเศษเนื่องจากใช้กลยุทธ์การทบทวน Portfolio ยุติธุรกิจที่ไม่ทำกำไร และให้ความสำคัญกับธุรกิจที่ทำกำไรและมีโอกาสเติบโตในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของ OR ในระยะยาว สำหรับกำไรสุทธิ มีจำนวน 7,650 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่ 3,444 ล้านบาท หรือลดลง 31.0% สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 ปรับดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีรายได้ขายและบริการ 185,904 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,773 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.5% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นจากทั้งกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle มี EBITDA จำนวน 4,887 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,124 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 4,608 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 100%


สำหรับปี 2568 คาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้น จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยหลักจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุน โดยคาดว่าในปี 2568 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใกล้เคียงระดับปกติ โดยมุ่งเน้นการใช้ Digitalization & Innovation เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ สำหรับกลุ่มธุรกิจ Mobility ตั้งเป้ารักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าน้ำมันในประเทศไทยและดึง Market share กลับมา มุ่งเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคและเป็นพาร์ตเนอร์ในการเดินทางสำหรับทุกคน (Mobility Partner) ผ่านเครือข่ายสถานีบริการ PTT Station 


รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และเตรียมความพร้อมในการขยายจากธุรกิจน้ำมันสู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based) เพื่อรองรับแนวโน้มพลังงานสะอาดในอนาคต เช่น การสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) รวมถึงพลังงานทางเลือกอื่นในอนาคต สำหรับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle จะยังคงรักษาความแข็งแกร่งของ Cafe Amazon ตลอด Value Chain รวมทั้งหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ ร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตให้ครอบคลุมทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) และธุรกิจไลฟ์สไตล์อื่น ๆ เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นแม่เหล็ก (Magnet) ในการดึงดูดลูกค้าให้กับธุรกิจหลักของ OR รวมถึงการศึกษาธุรกิจด้าน Health & Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในทุกรูปแบบและยกระดับระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง 


ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global ยังคงสานต่อนโยบายในการขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชาในฐานะที่เป็น Second Home Base เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงมี Demand สำหรับสินค้าและบริการของ OR รวมถึงแสวงหาโอกาสการเติบโตไปยังประเทศใหม่ โดยร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยสนับสนุนต่อยอดในธุรกิจปัจจุบันมุ่งหวังสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต


โดยในปี 2568 จะใช้งบลงทุนรวม 18,886.9 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Mobility จำนวน 7,656.7 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Lifestyle จำนวน 7,280.4 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Global จำนวน 2,771.8 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจ Innovation & New Business อีกจำนวน 1,178.0 ล้านบาท ม.ล.ปีกทอง กล่าวเสริมในตอนท้าย

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 13.70-14.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 15.50-15.80โดยมีแนวรับที่ 12.00


ช่องทางเฟสบุ๊ก ติดตามข่าวได้ที่เพจ ทันหุ้นออนไลน์

https://www.facebook.com/thunhoonnews

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X