KS (W)hole in ONE : แรงขาย LTF เริ่มชะลอ มูลค่าดัชนีถูก SC-PTT เด่น

#LTF #SC #PTT #ทันหุ้น

- วันจันทร์ ติดตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ไทยในตัวเลขส่งออก (TH Export) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +7.7% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +8.7% YoY และตัวเลขนำเข้าเดือน (TH Import) ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.9% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +14.9% YoY ต่อด้วยการรายงานยอดขายรถใหม่ของไทย เดือน ม.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 5.40 หมื่นคัน และปิดท้ายด้วย ตัวเลขเงินเฟ้อของฝั่งยุโรป (EU CPI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY

วันอังคาร ติดตามดัชนีรายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของคณะกรรมการการประชุม (Conference Board Consumer Confidence) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 103.5 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 104.1 จุด และ รายงานดัชนีภาคการผลิตของรัฐริชมอนด์ (Richmond Manufacturing Index) เดือน ก.พ. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -4.0 จุด

วันพุธ ติดตามการประชุมของ กนง. ตลาดคาดว่าจะกนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.25% และติดตามตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ (New Home Sale) เดือน ม.ค. โดดตลาดคาดที่ 6.80 แสนหลังปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.98 แสนหลัง

วันพฤหัสบดี ติดตามคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (US Durable Goods Orders) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +1.20%MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -2.2% MoM ต่อด้วยรายงานการคาดการณ์การเติบโของ GDP ของสหรัฐใน 4Q/24 ครั้งที่ 2 ตลาดคาดการณ์ที่ 2.3%QoQ ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ปิดท้ายจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.19 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามตัวเลขส่งออก (Exports) ของ ธปท. เดือน ม.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.4% YoY และตัวเลขนำเข้า (Imports) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 13.4% YoY ในส่วนของเศรษฐกิจของสหรัฐมีการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE Price Index) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.6% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.8% YoY ต่อด้วย ดัชนีรายได้ส่วนบุคคล (Personal Income) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% MoM และ ดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (Personal Spending) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.7% MoM

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย : KS เราประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 1,233 – 1,260 จุด ปัจจัยต่างประเทศตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดค่อนข้างระมัดระวังจากเงินเฟ้อญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือน ม.ค. มากกว่าคาดที่ 3.6% ตลาดคาดว่า BOJ อาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ด้าน Valuation อยู่ในโซนแพงแล้ว Forward P/E + 1.8SD. ส่วน Earning Yield Gap ของดัชนี S&P500 ปรับลงที่ 0% แล้ว บริษัทใน S&P 500 รายงานกำไรไตรมาส 4/2024 แล้ว 429 ราย 76% กำไรออกมาดีกว่าคาด คิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 10.77% ด้านตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่แรงขายกองทุน LTF สัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มชะลอตัวลงเหลือวันละ 300-500 ล้านบาท โดยรวมทั้งปีมียอดขายแล้ว 2.7 หมื่นล้านบาท ด้าน Valuation ดัชนี SET Index อยู่ในโซนถูกคิดเป็น -1.7 SD ย้อนหลัง 10 ปี และ EYG +5.5% (2.4SD.)

ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,233 – 1,260 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐ กลับมาแพงอีกครั้ง +1.8 SD. และ EYG 0% ส่วนปัจจัยภายในประเทศ แรงขาย LTF เริ่มชะลอตัวลง เหลือวันละ 300-500 ล้านบาท ด้าน Valuation อยู่ในโซนถูก ดัชนี SET Index -1.7SD. EYG 5.5% (+2.4S.D.)

Top Pick :

SC : ราคาพื้นฐาน 3.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SC จากการประกาศแผนธุรกิจและเป้าหมายปี 2025โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 26,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4%) และรายได้พอร์ตโฟลิโอที่ 25,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 11%) และเชื่อว่าจะสามารถฟื้นผลการดำเนินงานหลักทั้งหมดได้ในปี 2025 จากจุดต่ำสุดที่ผิดปกติในปี 2024โดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่อาศัยที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ดีหลายโครงการ SC ยังเน้นการบริหารโครงสร้างต้นทุนทั้งหมด เช่น การรวมศูนย์การซื้อวัสดุและการนำเสนอโปรโมชันการขายที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มและแต่ละทำเล แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4/2024 จะอ่อนแอที่ 22% แต่ด้วยกลยุทธ์ที่กล่าวข้างต้น SC คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/2025จะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 28-29% (ใกล้เคียงกับระดับปกติที่ 31-32%) และคาดว่าปัจจัยหลักที่หนุนกำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

PTT : ราคาพื้นฐาน 35.80 บาท

เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ PTT แม้ว่ากำไรในไตรมาส 4/2024จะต่ำกว่าที่คาดไว้จากค่าใช้จ่ายพิเศษ แต่กำไรของโรงแยกก๊าซนั้นดีกว่าที่คาด อีกทั้งมีการประกาศจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่าคาดที่ 1.30 บาทต่อหุ้น รวมกับปันผลระหว่างกาลที่ 0.80 บาทต่อหุ้น เป็น 2.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 4.1% นอกจากนี้ เราคาดว่ากำไรในไตรมาส 1/ 2025 จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษของ PTTGC และ PTTGM ที่ประมาณ 5.1 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรจากสต๊อกสินค้าในธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี รวมถึงราคา Propane ที่สูงขึ้นส่งผลให้อัตรากำไรของโรงแยกก๊าซดีขึ้นด้วย