#CENTEL #ทันหุ้น – บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTRAL รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 มีกำไรสุทธิสูงกว่าที่โบรกเกอร์คาดการณ์ และจะจัดให้มีการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 26 ก.พ.68
การซื้อขายหุ้น CENTEL ครึ่งวันเช้าวันที่ 26 ก.พ.68 ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นกว่า 10% ราคาเคลื่อนไหวในช่วง 29.75-31.75 บาท ก่อนจะปิดช่วงเช้าที่ 31.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท (+10.62%) มูลค่าการซื้อขาย 185 ล้านบาท โบรกเกอร์ออกบทวิเคราะห์วันที่ 26 ก.พ. คงคำแนะนำ “ซื้อ” บล.เอเซียพลัส และบล.ดาโอ คาดการณ์ผลการดำเนินงานปี 2568 จะมีกำไรเพิ่มมากขึ้นจากปี 2567
.
บล.กรุงศรียังคงคำแนะนำ Buy สำหรับ CENTEL ด้วยราคาเป้าหมาย 40 บาท CENTEL รายงานกำไรหลักไตรมาส 4/67 สูงกว่าประมาณการของเราและตลาดถึง 81% และ 62% ตามลำดับ เนื่องจากการเติบโต้ของรายได้ อัตรากำไรที่ดีขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน
บล.กรุงศรีคาดว่ากำไรจะเติบโต yoy ในปี 2568 เนื่องจากการดำเนินงานในไทยและญี่ปุ่นจะช่วยชดเชยผลขาดทุนในมัลดีฟส์ ปัจจุบัน CENTEL ซื้อขายที่ 23 เท่าของ P/E ปี 2568 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยการซื้อขายในอดีตมาก เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งและมูลค่าที่น่าดึงดูด
ผลประกอบการไตรมาส 4/67 อาจจะเป็น upside ต่อประมาณการของเรา เนื่องจากผลประกอบการปี 2567 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก เราจะทบทวนประมาณการหลังจากได้รับข้อมูลเพิ่มเติมหลังการประชุมนักวิเคราะห์ในวันนี้ (26/02/2568)
เราคาดว่าไตรมาส 1/68 จะเป็นความท้าทายสำหรับการเติบโต yoy ของ CENTEL เนื่องจากฐานกำไรที่สูงถึง 750 ล้านบาท ในไตรมาส 1/67 ประกอบกับค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินการเพิ่มเติมประมาณ 40-50 ล้านบาท ในไตรมาส 1/68 และคาดการณ์ผลขาดทุน USS4-5m จากการดำเนินงานในมัลดีฟส์ในปี 2568เนื่องจากการเลื่อนเปิดโรงแรมและต้นทุนเริ่มต้นสำหรับโรงแรมใหม่
อย่างไรก็ตาม การเปิดโรงแรมอีกครั้งในพัทยาและภูเก็ต ร่วมกับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากการดำเนินงานโรงแรมในญี่ปุ่น ควรช่วยชดเชยผลกระทบเหล่านี้และอาจสนับสนุนการเติบโตของกำไรในปี 2568 ทั้งนี้ จากการประเมินของเรา EBITDA margin ที่เปลี่ยนแปลง 1% ส่งผลต่อประมาณการกำไร 10%
บล.กรุงศรีคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 40 บาท (DCF) ปัจจุบันซื้อ CENTEL ซื้อขายที่เพียง 23x 2568 P/E เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 38x ในขณะที่เราคาดปี 2568 จะเป็นปีที่ผลประกอบการของ CENTEL กลับไปสู่ระดับก่อนโควิดได้
.
บล.บัวหลวง มองว่ากำไรไตรมาส 1/68 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ เนื่องจากรายได้เพิ่มเติมจากโรงแรมในพัทยาและภูเก็ต (ปรับปรุงแล้วเสร็จในไตรมาส 4/67) รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักของโรงแรมอื่นที่สูงขึ้น และยอดขายธุรกิจ QSR (Quick Service Restaurant หรือ ร้านอาหารบริการด่วน) ที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยกลบค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากโรงแรมมัลดีฟส์ที่เพิ่งสร้างใหม่ 2 แห่งที่จะเปิดให้บริการในไตรมาส 4/67 และไตรมาส 2/68
จากผลประกอบการไตรมาส 4/67 ที่แข็งแกร่งกว่าคาด เราเห็นโอกาสสำหรับการปรับเพิ่มประมาณการของเราและตลาดในปี 2568
บล.บัวหลวงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนในระยะยาว ซึ่งเราชอบมากที่สุดในกลุ่มโรงแรม
.
บล.หยวนต้ามองแนวโน้มไตรมาส 1/68 เบื้องต้นคาดเติบโต QoQ อย่างไรก็ดี ฐานกำไรปกติในไตรมาส 1/67 ที่สูง ประกอบกับยังมีผลขาดทุนช่วงต้นของ 2 โรงแรมใหม่ที่มัลดีฟส์ ทำให้คาดกำไรทรงตัว YoY
บริษัทให้ Guidance ปี 2568 ธุรกิจโรงแรม (รวม JV) คาด ReVPar ที่ 4.5-4.8 พันบาท (+10-17% YoY) ใกล้เคียงคาดการณ์ของเรา เติบโตจากการที่โรงแรมพัทยารีโนเวทเสร็จสิ้น (10% รายได้โรงแรม) รวมถึงโรงแรมญี่ปุ่นได้ผลบวกของการจัดงาน Word Expo ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารคาด SSSG +3-5% YoY, TTS +6-8% YoY สูงกว่าประมาณการของเราเล็กน้อย
จากงบไตรมาส 4/67 ที่ออกมาดีกว่าคาดมาก ทำให้ประมาณการปี 2568 ที่คาดกำไรปกติ 1.7 พันลบ. มี Upside Risk อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี เราจะพิจารณาความเหมาะสมของประมาณการอีกครั้งหลังการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 26 ก.พ.
ประเด็นที่ต้องติดตาม 1) ส่วนแบ่งกำไร JV รายงาน 121 ลบ.ในไตรมาส 4/67 สูงกว่าค่าเฉลี่ย 9 เดือน 2567 ที่ +/- 15 ลบ.ต่อไตรมาส และทั้งปี 2567พลิกเป็นกำไรจากขาดทุนในปีก่อน บริษัทจะสามารถรักษาระดับกำไรได้ต่อเนื่องหรือไม่ (หมายเหตุ: ส่วนแบ่งกำไรในไตรมาส 4/67 ที่โตเด่นมาจากเดอะฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ปเป็นหลัก ซึ่งกว่า 75% รายได้คือ Shinkansen) และ 2) Guidance ผลขาดทุนโรงแรมใหม่ที่มัลดีฟส์ในปี 2568 (Guidance ปี 2567 ที่ 100-150 ลบ. เกิดขึ้นจริง 63 ลบ.)
เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและราคาเหมาะสม อย่างไรก็ดี หากอิงกรอบกำไรปกติปี 2568 ที่ 2.0-2.1 พันลบ. หรือเติบโตราว 20% YoY และ และ EV/EBITDA Multiple เดิมที่ 9xเทียบเท่า -1.75SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ราคาเหมาะสมเบื้องต้นจะอยู่ในกรอบ -40 บาทต่อหุ้น
ความเสี่ยงสำคัญ: 1) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติต่ำคาด 2) เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงทั่วโลก และ 3) การแข่งขันด้านราคาในระยะถัดไป
.
บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" CENTEL และราคาเป้าหมายเดิมที่ 33.20 บาทหากอิงจากการคาดการณ์ของเรา หุ้นขณะนี้ซื้อขายด้วย PER ปี 2568 ที่ 22.2 หรือ -1 SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย trailing PER ย้อนหลัง 5 ปี ในปี 2568-62
.
บล.เอเซียพลัสประมาณการปัจจุบันกำไรปกติปี 2568 เติบโต 14% YoY หนุนด้วยการกลับมาเปิดโรงแรมใหญ่ที่พัทยาเต็มปี หลังปรับปรุงเสร็จไตรมาส 4/67 ประกอบกับ World EXPO 2568 ช่วง เม.ย. - ต.ค. 68 ที่โอซาก้า เป็นปัจจัยขับเคลื่อนโรงแรมในโอซาก้าของ CENTEL ส่วนแบ่งกำไรจาก บ. ร่วม โดยเฉพาะ ร้านนักล่าหมูกระทะมีโอกาสเติบโตต่อในอนาคตผ่านการขยายสาขาในอนาคต ตามความเห็นฝ่ายวิจัย
บล.เอเซียพลัสคงเลือกเป็น Top pick และแนะนำ Outperform จากโครงสร้างธุรกิจกระจายตัว ทั้งโรงแรมไทย / ต่างประเทศและร้านอาหาร รวมถึงการขยายธุรกิจร้านอาหาร ของ บ.ร่วม ที่มีมาร์จิ้นสูง (NPM ราว 12% VS ร้านอาหารของ CENTEL ที่ 5.1%) ดูน่าสนใจ
.
บล.ดาโอ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่จะเติบโตได้อย่างโดดเด่น, คาดกำไรปกติไตรมาส 1/68 จะเพิ่มขึ้น YoY/QoQ เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +18% YoY ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงสุดเมื่อเทียบกับ MINT และ ERW เพราะได้รับแรงหนุนจากการไม่มีค่าใช้จ่ายที่สูงเหมือนปี 2567 และรับรู้โรงแรมที่ Renovate 2 แห่ง (ภูเก็ตและพัทยา) ได้เต็มปี เพราะจะกลับมาดำเนินการได้เป็นปกติตังแต่ปลาย พ.ย.- ต้น ธ.ค. 67 ขณะที่เราคาดกำไรปกติไตรมาส 1/68 จะเพิ่มขึ้น YoY/QoQ จากการเข้าสู่ช่วง High season ของไทย, มัลดีฟส์ และญี่ปุ่น
บล.ดาโอให้ราคาเป้าหมาย CENTEL ปี 2568 ที่ 44.00 บาท อิง DCF (WACC 7.6%, terminal growth 2.5%) ขณะที่มีความเสี่ยงจากต้นทุนวัตถุดิบอาหารเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่จะฟื้นตัวช้ากว่าคาด และจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนฟื้นช้ากว่าคาด ด้าน Valuation ซื้อขายที่ 2568 EV/EBITDA ที่ 9x (-1.75SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW ที่ 11x
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม