#EA #ทันหุ้น - EA ยอมเจ็บหนักเพื่อจบ ชี้เคลียร์ด้อยค่าเรียบร้อยแล้วทั้งแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า มั่นใจปี 2568 จะกลับมาฟื้น เดินหน้าระบายสต็อกรถไฟฟ้า ดีลพันธมิตรร่วม ขณะที่ NEX ปรับโครงสร้างบริหาร เชื่อเดินหน้าได้ ชี้กระแสเงินจากโรงไฟฟ้ายังเข้ามาต่อเนื่อง แย้ม สปป.ลาวคืบหน้า ปีนี้จัดทัพได้โครงสร้างการดำเนินงาน
นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยกับ "ทันหุ้น" ว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 2567 ที่ออกมานับเป็นจุดต่ำสุดแล้ว เนื่องจากบริษัทมีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ทั้งในส่วนของโรงงานแบตเตอรี่และโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าไปแล้ว อย่างไรก็ดีอยากให้นักลงทุนติดตามกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก ฟื้นจากปี 2566 ที่ติดลบ
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2568 จะสามารถพลิกกลับมาเติบโตได้ เนื่องจากบริษัทมีรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัท และมีการระบายสต็อกรถไฟฟ้าออกไปบางส่วน ซึ่งมีโอกาสที่จะรับรู้เป็นกำไรเข้ามา
@อยู่ระหว่างหาพันธมิตร
ทั้งนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในธุรกิจแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และขนาดย่อม เพื่อเข้ามาร่วมลงทุนและใช้ศักยภาพของโรงงานที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากโรงงานของ EA มีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมในการติดตั้งเครื่องจักรผลิต ทำให้สามารถเดินหน้าขยายกำลังการผลิตได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอ มองว่าสงครามการค้าที่เกิดขึ้น จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการย้ายฐานเข้ามา
ในส่วนธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า บริษัทก็จะมีการหาพันธมิตรเข้ามาเช่นกัน ในผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าทั้งรถหัวลาก ตลอดจนยานยนต์ไฟฟ้าประเภทพิเศษ โดยมีเงื่อนไขยังเป็นแบบเดียวกับโรงงานแบตเตอรี่ที่บริษัทจะไม่ใส่เงินลงทุนเพิ่ม และพันธมิตรต้องมีคำสั่งซื้อหรือมีแบ็กล็อกในมือ ซึ่งบริษัทเก่งในส่วนของส่วนหัวของยานยนต์ไฟแล้ว แต่พันธมิตรมีความเชี่ยวชาญในการทำส่วนท้ายของรถ
ขณะเดียวกัน บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ได้มีการปรับโครงสร้างผู้บริหารใหม่ ทำให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับการตั้งด้อยค่าไปแล้ว ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ บริษัทได้เริ่มจำหน่ายรถบรรทุกอีวีออกไปแล้ว ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัท โดยมีโอกาสที่ผลประกอบการในไตรมาส 1/2568 จะพลิกกลับมาเป็นกำไร
@ ไฟฟ้าสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง
ส่วนธุรกิจไฟฟ้า แม้ว่าจะมีการทยอยหมดอายุของ Adder ซึ่งเป็นส่วนเพิ่มในค่าไฟฟ้าที่ได้รับตามนโยบายของภาครัฐ แต่บริษัทก็ยังสามารถดำเนินการผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันยังคงมีกระแสเงินสดเข้ามาในแต่ละไตรมาสที่ประมาณ 3 พันล้านบาท หรือราว 1.2 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าปี 2568 กระแสเงินสดทั้งปีจะลดลง 1 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่มากเมื่อเทียบกับรายได้รวมของบริษัท
ส่วนการขายโรงไฟฟ้าพิษณุโลกยังอยู่ระหว่างกระบวนการคัดเลือกพันธมิตร ซึ่งยอมรับว่ามีการเจรจาอยู่หลายราย
@สปป.ลาวคืบหน้า
นายวสุ ยืนยันว่า บริษัทยังมีอนาคตที่ดี จากสินทรัพย์ที่ดี ขณะที่โครงการที่สปป.ลาว ก็ยังเดินหน้าต่อเนื่อง มีความคืบหน้าในด้านเงื่อนไขต่างๆ กับ สปป.ลาว ขณะที่ล่าสุดทาง สปป.ลาวได้มีการปรับเพิ่มขึ้นค่าไฟฟ้า
ทั้งนี้บริษัทได้มีการลงนามสัญญาร่วมพัฒนาโครงการ (Joint Development Agreement) กับ รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) จัดตั้งบริษัทร่วมทุน Super Holding Company ในบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์ของ สปป.ลาว ในส่วนของการส่งออกไปต่างประเทศ
ทั้งนี้บริษัทถือหุ้นสัดส่วน 35% ที่เหลือเป็นการถือหุ้นโดยรัฐบาลสปป.ลาว โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ใส่เงินลงทุนไปแล้ว 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเหลืออีก 100 ล้านดอลลาร์ จะใส่เงินเมื่อรัฐบาลสปป.ลาวได้ดำเนินตามเงื่อนไขเสร็จแล้ว
ขณะที่รัฐบาลสปป.ลาวได้มีการโอนโรงไฟฟ้าเขื่อนเข้ามาที่บริษัทร่วมทุนแล้ว 3 กิกกะวัตต์ จากทั้งหมด 7 กิกกะวัตต์ และบริษัทยังได้สิทธิในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ และการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ ตลอดจนยายนต์ไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้า ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น และบริษัทสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้
นายวสุ ยอมรับว่า แนวทางของบริษัทจะเน้นการเดินหน้าร่วมกับพันธมิตรจะมีการบริหารจัดการสัดส่วนการลงทุนใน สปป.ลาว ของนักลงทุนแต่ละกลุ่มด้วย
@ ส่องผลงาน EA
ทั้งนี้ EA รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมรายการพิเศษ) เป็นบวก และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง สะท้อนถึงความมั่นคงของธุรกิจหลัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบันทึกผลขาดทุนสุทธิที่กว่า 4,600 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจาก การปรับปรุงทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสด (one-time non-cash accounting write-off) จำนวนมากกว่า 9,000 ล้านบาท โดยรายการพิเศษดังกล่าวส่วนใหญ่เป็น การสำรองค่าเผื่อการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดหรือการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัท
นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน อธิบายว่า “แม้จะมีการปรับปรุงทางบัญชีดังกล่าว บริษัทฯ ยังคงมี EBITDA (ไม่รวมรายการพิเศษ) ที่เกือบ 8,000 ล้านบาท และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกที่กว่า 8,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ (ไม่รวมรายการพิเศษ) อยู่ที่มากกว่า 2,200 ล้านบาท แม้ว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจหลักของบริษัทยังคงดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง
“โครงสร้างทางการเงินของบริษัทฯ ได้รับการปรับปรุงให้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงมากขึ้น และการ write-off ดังกล่าว Book Value ต่อหุ้น (BVPS) คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 8 บาท ซึ่งช่วยให้งบดุลสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ได้ดียิ่งขึ้น” นายวสุกล่าวเพิ่มเติม
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ด้านนายฉัตรพล ศรีประทุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จํากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "จากผลประกอบการในปี 2567 เรามีกระแสเงินสดมากกว่า 8,000 ล้านบาท และหากไม่รวมการปรับปรุงรายการทางบัญชีครั้งนี้ บริษัทมีกำไรมากกว่า 2,200 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงทางการเงิน นอกจากนี้ เรากำลังดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ธุรกิจที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี ในการปรับโมเดลธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์และธุรกิจแบตเตอรี่ โดยการสร้างความร่วมมือกับผู้นำระดับโลกในแต่ละสายธุรกิจ"
นายฉัตรพล กล่าวว่า “เราได้ร่วมมือกับหนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์ประเภทพิเศษรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน คือ บริษัท เฉิงหลี่ สเปเชียล ออโตโมบิล จำกัด (Chengli Special Automobile Co., Ltd.) ในการพัฒนาสินค้าและผลิตจากโรงงานของเรา
บริษัท เฉิงหลี่ เป็นผู้ผลิตและส่งออกรถประเภทพิเศษมากกว่า30,000 คันไปกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
"และสำหรับธุรกิจแบตเตอรี่ ขณะนี้เรากำลังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบทางกฎหมายของข้อตกลงกิจการร่วมค้าของเรากับหนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของจีน เพื่อใช้โรงงานของเราในประเทศไทยสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เพื่อรองรับการผลิตสำหรับส่งออกไปในสหรัฐอเมริกาและยุโรป และตอนนี้เรากำลังตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา" นายฉัตรพลกล่าว
@ MSCI อัพเกรด ESG
EA ได้รับการจัดอันดับด้านความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จากสถาบัน MSCI ESG Research หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือในด้านดัชนีความยั่งยืนระดับนานาชาติ โดยได้รับการปรับระดับจาก A สู่ระดับ AA และบริษัทได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น “ผู้นำในกลุ่มธุรกิจประเภทเดียวกันในด้านความพยายามด้านเทคโนโลยีสะอาด”
"เราภูมิใจที่ได้รับการยกระดับจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความพยายามของเราที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของธุรกิจ" นายฉัตรพล กล่าว
สำหรับ EA การดำเนินงานครอบคลุมตั้งแต่การผลิตเชื้อเพลิงจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น ธุรกิจไบโอดีเซล โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม ไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านระบบกักเก็บและกระจายพลังงานไฟฟ้า เช่น แบตเตอรี่อุตสาหกรรม ธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจประกอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ เช่น รถบรรทุกไฟฟ้า รถโดยสารไฟฟ้า และเรือโดยสารไฟฟ้า
EA เปิดเผยเมื่อเดือนมกราคม 2568 บริษัทฯ กำลังมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจที่ทำกำไรสูง ได้แก่ ธุรกิจไบโอดีเซล โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นรายเดียวในประเทศไทยที่มีกระแสเงินสดเป็นบวก ธุรกิจเหล่านี้รวมกันคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท ในขณะเดียวกัน EA ได้หยุดหรือปรับลดขนาดธุรกิจที่ขาดทุน 2 ส่วน ได้แก่ การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์และการผลิตแบตเตอรี่ พร้อมทั้งปรับโครงสร้างของทั้ง 2 ธุรกิจ โดยมุ่งหาพันธมิตรระดับโลกที่สามารถช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
ช่องทางเฟสบุ๊ก ติดตามข่าวได้ที่เพจ ทันหุ้นออนไลน์
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม