#ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงทำจุตด่ำสุดใหม่ต่อเนื่องหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,190-1,200 ลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,155 และ 1,130 แต่มีแนวต้าสำคัญที่ 1,220 ถ้าฟื้นตัวกลับขึ้นไป จะเป็นสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ SPALI หรือ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)

ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1.อยู่อาศัย ทั้งบ้านและที่ดินจัดสรร อาคารชุด ในทำเลทั่วเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัด 2. เพื่อการพาณิชย์ ได้แก่ อาคารสำนักงานให้เช่า และ 3. ธุรกิจรีสอร์ตโรงแรมในต่างจังหวัด

ผลการดำเนินงาน ปี 67 มีกำไร 6,189 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.17 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานปี 66 มีกำไร 5,989 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.07 บาท

SPALI เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 67สามารถทำรายได้รวมอยู่ที่ 31,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% และกำไรสุทธิ 6,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 66

ซึ่งรายได้หลักมาจากการเปิดตัวโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมที่เจาะกลุ่มลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยทำเลยอดนิยมที่สร้างยอดขายได้ทะยานสูงเป็นลำดับต้นๆ คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภูเก็ต ชลบุรี และเชียงใหม่ ตลอดจน 5 คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมส่งมอบ รวมมูลค่ากว่า 16,230 ล้านบาท ยังทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ศุภาลัย ไอคอน สาทร ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ ซิตี้โฮม สนามบินน้ำ- รัตนาธิเบศร์ และศุภาลัย ซิตี้โฮม ระยอง

ส่งผลให้สินทรัพย์เติบโตขึ้น 12 % ส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโต 5%โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับเพียง 54% ส่วนต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 2.86% ณ 31 ธ.ค. 2567 และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 11,535 ล้านบาท ณ 31 ธ.ค. 67 เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัท ในอนาคต

ภาพรวมการดำเนินงานในปี 67 ถือเป็นอีกปีที่มีความท้าทาย โดยบริษัทยังคงรักษาการเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยศักยภาพทางการเงิน ที่เข้มแข็ง เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่มากถึง 41 โครงการ มูลค่ารวม 52,380 ล้านบาท สร้างยอดขายรวม 26,743 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 9,876 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 16,867 ล้านบาท

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยในงาน “Opportunity Day” ว่า ในช่วงไตรมาส 1/68บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,170 ล้านบาท จะเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้เริ่มมีการทยอยเปิดตัวโครงการไปบ้างแล้ว

ทั้งนี้ยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.68) ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนหนึ่งยังคงมาจากคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมโอนมียอดขายดีต่อเนื่องมาจากปลายปีที่ผ่านมา

ปี 68 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมแตะ 30,000 ล้านบาท และวางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ 32,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน พร้อมมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากคำนวนจากโครงการที่บริษัทมีและเป้าหมายยอดขายแต่ละโครงการ

โดยปีนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 36 โครงการ มูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นโครงการแนวราบจำนวน 28 โครงการ และคอนโดมิเนียมจำนวน 8 โครงการ พร้อมลุยเปิดตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดใหม่ๆ อาทิ จังหวัดลพบุรี,สุพรรณบุรี และเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื่องจากมีความมั่นใจว่าจังหวัดดังกล่าวมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่บริษัทได้วางงบสำหรับซื้อที่ดินไว้ที่ 8,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้ไป 6,900 ล้านบาท และเตรียมงบก่อสร้างโครงการใหม่ 9,000ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมองว่าราคาที่ดินปัจจุบันเริ่มปรับตัวลดลงและการแข่งขันที่แทบจะไม่มีเลย จึงทำให้ช่วงนี้การซื้อที่ดินทำได้ง่าย อย่างไรก็ตามหากไม่ได้ราคาที่เหมาะสมบริษัทก็จะไม่เร่งซื้อ เพราะยังมีที่ดินบนทำเลอื่นๆในมือให้เลือกอีกเป็นจำนวนมาก

ส่วนการลงทุนในประเทศออสเตรเลียคาดว่าในปีนี้จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาจาก 12 โครงการที่เพิ่งลงทุนไปล่าสุดเต็มปี ซึ่งจะหนุนให้การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนดังกล่าวเติบโตเท่าตัวจากปี 67 ที่มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรราว 393.72 ล้านบาท

นอกจากนี้กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% คาดว่าจะทำให้ลูกค้าสามารถกู้สินเชื่อได้ง่าย และยังช่วยให้ Sentiment ของตลาดดีขึ้นด้วย ซึ่งการที่ Sentiment ดีขึ้น จะทำให้ลูกค้าออกมาซื้อหรือสนใจในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ส่วนการผ่อนคลายมาตรการ LTV จะช่วยกระตุ้นและขับเคลื่อนตลาดได้ทุกภาคส่วน เนื่องจากการเก็งกำไรในปัจจุบันไม่มีในทุกตลาด

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับที่ 15.00 ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้าที่ 18.00 ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 21.00 แต่ถ้าปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่า 15.00 จะมีแนวรับถัดไปที่ 12.00 ตามโครงสร้างขาลงในระยะยาว

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

X คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/