ดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรม ซึ่งรวมถึงโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย โครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา และให้เช่าศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบันเทิงและธุรกิจจัดจำหน่าย
ผลการดำเนินงาน ปี 67 มีกำไร 7,750 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.06 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน ปี 66 มีกำไร 5,407 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.65 บาท
MINT เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ผลประกอบการปี 67 มีกำไรสุทธิ 7,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เทียบกับช่วงเดียวกันปี 66 ที่มีกำไร 5,407 ล้านบาท
กําไรเติบโตโดดเด่นในปี 67 แสดงถึง แนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งและความแข็งแกร่งทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ในปี 67 รายได้จากการดําเนินงานของบริษัทเติบโต 8%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 166,034 ล้านบาท เป็นผลมาจากผลการดําเนินงานของโรงแรมและร้านอาหารที่ดีขึ้น การท่องเที่ยวทั่วโลกที่เฟื่องฟูและความสําเร็จของกลยุทธ์ การกําหนดราคาส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) ในยุโรปและเอเชียเพิ่มขึ้น และการเปิดโรงแรมแห่งใหม่ทําให้ผล การดําเนินงานของโรงแรมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน จํานวนลูกค้าและยอดขายที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยและสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แคมเปญการตลาด การขยายสาขา และการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ผลักดันให้ธุรกิจ ร้านอาหารเติบโต
กําไรจากการดําเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อม (Core EBITDA) เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบ กับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 44,572 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตต่ํากว่ารายได้เนื่องจากการปรับปรุงบัญชีในด้านบวก ณ สิ้นปี 65 รวมไปถึงการลงบัญชีด้านต้นทุนของโอ๊คส์ตามมาตรฐานบัญชี IFRS 16 กําไรจากการดําเนินงานอยู่ที่ 8,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากําไรจากการดําเนินงานปรับตัวดีขึ้นเป็น 5.1%จากความสามารถในการดําเนินงานที่ดีขึ้นและการใช้ประโยชน์จากผลขาดทุนทางภาษียกมา
ในไตรมาส 4/67 บริษัทมีรายได้จากการดําเนินงานเติบโต 4%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 41,757 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของโรงแรมที่สูงขึ้น ยอดขายโดยรวมทุกสาขา (TSS) ของธุรกิจ ร้านอาหาร และการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจของบริษัทโดยรวม ทั้งนี้ การปรับปรุงบัญชีในด้านบวก ณ สิ้นปี ซึ่งถูกบันทึกในไตร มาส 4/66 ตามที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้กําไรจากการดําเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อม ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 10,949ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงจากการลดหนี้และการ บริหารจัดการภาษีที่มีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มผลกําไร ทําให้กําไรจากการดําเนินงานเพิ่มขึ้น 15% อยู่ที่ 2,876 ล้านบาท หากนับรวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวตามรายละเอียดในภาคผนวก
บริษัทมีรายได้และกําไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมตามที่รายงานในปี 67 เพิ่มขึ้น 8% และ 8% ตามลําดับ อยู่ที่ 166,409 ล้านบาท และ 44,441 ล้านบาท ตามลําดับ กําไรตามที่รายงานเพิ่มขึ้น 43%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 7,750 ล้านบาท เนื่องมาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงอย่างมีนัยสําคัญจากการป้องกันความเสี่ยงและตราสารอนุพันธ์
โดยในไตรมาส 4 ปี 67 บริษัทมีรายได้ตามที่รายงานเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 41,936ล้านบาท ในขณะที่กําไรก่อน หักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมตามงบการเงินเพิ่มขึ้น 7% อยู่ที่ 11,895 ล้านบาท กําไรตามที่รายงานเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่า อยู่ที่ 3,632ล้านบาท เมื่อเทียบกับในปี 66 ที่ 984ล้านบาท โดยหลักมาจากกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการป้องกัน ความเสี่ยงและตราสารอนุพันธ์ที่ถูกบันทึกไว้ เมื่อเทียบกับการขาดทุนในปีก่อน
นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า บริษัทตั้งเป้าในปี 2570มีโรงแรมรวมทั้งสิ้น 850 แห่ง หรือ เพิ่มขึ้น 280 แห่ง และในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 2572) ตั้งเป้ามีโรงแรมทั้งสิ้นรวม 1,000 แห่ง หรือมีจำนวนห้องพักรวม 127,862 ห้อง จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 81,344 ห้อง
ขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร โดยประเทศไทยจะเป็นตลาดหลักของบริษัท แต่จะเพิ่มเติมตลาดในกลุ่ม CLMV มากขึ้น ซึ่งจะช่วยการเติบโต Asset Light ให้กับบริษัทได้มากขึ้น โดยคาดจะเพิ่มร้านอาหารขึ้นเป็น 4,500 ร้านอาหาร ใน 5 ปีข้างหน้า หรือปี 2572 จากปัจจุบันที่ 2,699 ร้านอาหาร
บริษัทตั้งเป้าในปี 2568-2570 จะใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 10,000-12,000 ล้านบาทต่อปี โดยจะใช้ในการรีแบรนด์ และขยายงาน เพิ่มโรงแรมของบริษัท เป็นต้น
นางสาวนมิดา อธิศพงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่ม-ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ MINT กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโต 6-8% และอัตรากำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่าอัตราการเติบโตรายได้ หรือ 15-20% ต่อปี ขณะเดียวกันทางด้านสถานะทางการเงิน ปัจจุบันอยู่ที่ 0.8 เท่า และภายในสิ้นปีนี้จะลดหนี้สินสุทธิต่อทุนเหลือ 0.75 เท่า
โดยในปี 67 บริษัทมีการเปิดโรงแรม 30 แห่ง รวมจำนวน 3,000 ห้อง ส่งผล ณ สิ้นปี 67 มีโรงแรมรวม 562 แห่ง และในอีก 3 ปีข้างหน้า จะเปิดโรงแรมใหม่รวมทั้งสิ้น 280 แห่ง ส่วนร้านอาหาร ปี 67 เปิดร้านอาหาร 80 สาขา ที่ไทยและอินโดนีเซีย ส่งผลปัจจุบันมีทั้งสิ้น 2,700 สาขา และ 3 ปีข้างหน้า มีแผนเปิดใหม่เพิ่ม 1,500 สาขา ซึ่งการขยายโรงแรมและร้านอาหาร จะเป็นรูปแบบไม่ได้ลงทุนเอง แต่จะเปิดโรงแรมภายใต้การบริหารรับจ้างบริหาร และร้านอาหาร จะเปิดในรูปแบบของแฟรนไชส์มากขึ้น
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 29.00 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังอยู่ระหว่างการปรับฐาน โดยมีแนวรับที่ 25.50 และ 24.50 แต่ถ้าสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 29.50 ขึ้นไป จะมีแนวต้านถัดไปที่ 32.00 ตามกรอบแนวโน้มขาลง
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม