> Trendtalk > TU

14 มีนาคม 2025 เวลา 06:30 น.

เจาะ TU

#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวลดลงเข้าใกล้แนวรับสำคัญที่ 1,155 หลังจากถูกขายที่แนวต้าน 1,190-1,200 ลงไป ถ้าปรับตัวลดลงต่อเนื่องต่ำกว่า 1,150 ลงไป แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,130 แต่เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ เพื่อคาดหวังการฟื้นตัว โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,180


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ TU หรือ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและบรรจุกระป๋อง และขยายธุรกิจให้ครบวงจรด้วยธุรกิจอาหารสำเร็จรูปและอาหารว่าง โดยเน้นอาหารทะเล ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ ธุรกิจการตลาดภายในประเทศ ธุรกิจอาหารสัตว์ และธุรกิจพัฒนาสายพันธุ์กุ้งเพื่อจำหน่าย


ผลการดำเนินงาน ปี 67 มีกำไร 4,984 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.08 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานปี 66 ที่ขาดทุน 13,933 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 3.15 บาท


TU รายงานผลดำเนินงานในไตรมาส 4/67กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุน 17,189 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.5% อย่างไรก็ตาม หากไม่รวม transformation costs กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,512 ล้านบาท


บริษัท รายงานยอดขายอยู่ที่ 35,090 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อ จากผลกระทบเชิงลบจากอัตราแลกเปลี่ยน 3.1% จากการที่เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักทุกสกุล โดยเฉพาะเงินยูโร (เฉลี่ยที่ 36.26 บาทต่อยูโร ลดลง 5.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) และดอลลาร์สหรัฐ (เฉลี่ยที่ 34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 4.6%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)


อย่างไรก็ดียอดขายที่ลดลงได้ถูกชดเชยบางส่วนจากการเติบโตจากการดำเนินงานปกติที่เพิ่มสูงขึ้น 1.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ปริมาณขายเพิ่มสูงขึ้น 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากความต้องการที่สูงขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ยกเว้น ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 4,963 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจาก Transformation Costs ค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูงขึ้น และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นซึ่งสอดคล้องกับปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจึงเพิ่มขึ้นเป็น 14.1% จาก 11.8% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่รวม Transformation Costs อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะอยู่ที่ 13.3%


ส่วนปี 67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 4,984.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 13,933.20ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 7.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิตามที่ปรับปรุงในปี 66ซึ่งไม่รวมรายการที่เกี่ยวข้องกับ RL ได้แก่ ส่วนแบ่งขาดทุน รายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียว และรายได้ภาษีเงินได้จาก RL


ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 3 ตั้งแต่บริษัท ดำเนินธุรกิจมา อยู่ที่ 138,433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7%จากปีก่อน มีสาเหตุหลักจากการเติบโตจากการดำเนินงานปกติของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า อัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 18.5%


นางสาวภิญญดา แสงศักดาหาญ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า แนวโน้มการเติบโตปี 68 วางเป้าหมายยอดขายรวมเติบโต 3-4% โดยหลักๆ มาจากการเติบโตภายใน (Organic Growth) ซึ่งตั้งเป้าเติบโต 6-7% ทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งกลุ่มอาหารผลิตแปรรูป -บรรจุในกระป๋อง (Ambrient), การดูแลสัตว์เลี้ยง (Pet Care), แช่แข็ง (Frozen) เป็นต้น

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นตั้งเป้ากรอบ 18.5 - 19.5% มาจากการปรับปรุงธุรกิจทุกหมวดหมู่ ยกเว้นกลุ่ม Pet Care ซึ่งเติบโตโดดเด่นตั้งแต่ปีก่อน ส่งผลให้ปีนี้การเติบโตยังทรงตัว ด้านค่าใช้จ่าย การขาย ทั่วไป และบริหาร (SG&A) คาดว่าจะอยู่ในช่วง 13 - 13.5%ส่วนงบลงทุนในปีนี้บริษัท จะใช้ประมาณ 4,500 - 5,000 ล้านบาท หลักๆ ใช้สำหรับการขยายคลังสินค้าระบบจัดเก็บและค้นหาอัตโนมัติ (ASRS) ของกลุ่มธุรกิจ Pet Care


สำหรับต้นทุนราคาวัตถุดิบปี 68 คาดว่า ปลาทูน่าอยู่ที่ 1,580ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มจากปีก่อนที่ระดับ 1,438 ดอลลาร์ต่อตัน โดยบริษัท ได้เก็บสต๊อกปลาทูน่าในราคาถูกตั้งแต่ปีก่อนไว้ก่อนแล้ว ซึ่งเมื่อนำมาแปรรูปเป็นสินค้ากลุ่ม Ambrient จะทำให้มาร์จิ้นในปีนี้เพิ่มมากขึ้น ด้านราคากุ้งปีก่อน 144 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 150 บาทต่อกิโลกรัม มองว่าไม่ส่งผลกระทบมาร์จิ้นมากนัก

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 11.00-11.20 หลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 12.40 ลงไป ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้าที่ 12.00 และ 12.40

ช่องทางเฟสบุ๊ก ติดตามข่าวได้ที่เพจ ทันหุ้นออนไลน์

https://www.facebook.com/thunhoonnews

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X