> Trendtalk > JMART

20 มีนาคม 2025 เวลา 06:30 น.

เจาะ JMART

#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคไปทดสอบแนวต้านที่ 1,190 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1,175 กลับขึ้นไป แต่เราคาดว่า แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,130 โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,200


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ JMART หรือ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)ดำเนินธุรกิจลงทุนในธุรกิจอื่น โดยมีธุรกิจหลักของบริษัทแกนคือ จำหน่ายทั้งค้าปลีกและค้าส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่หลักทุกรายและผู้ให้บริการเครือข่าย และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

ผลการดำเนินงาน ปี 67 มีกำไร 1,140 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.783 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน ปี 66 ขาดทุน 447 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.308 บาท


JMART รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 2567 มีรายได้จากการขายและบริการ 13,878.8 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 1,140.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 355% จากปีก่อนหน้า และพลิกจากขาดทุน 447 ล้านบาทในปี 2566 ตั้งเป้ากำไร JMART ปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อน


นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า ในปี 68 บริษัทมีแผนขับเคลื่อน ให้ธุรกิจแข็งแรง ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน คือ 1. บริษัทจะลดภาระหนี้ของกลุ่มให้ลดลง 2.เพิ่มกำไรให้กับบริษัท ทุกบริษัท ในกลุ่ม 3.Holdings จะต้องเติบโตในแง่ของกำไร 30%


นายปัญญา ชุติสิริวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/68 โดยธุรกิจแกนหลัก หรือ เจ โมบาย ยังได้รับอานิสงส์จากการเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ หรือ Samsung S25 และผลิตภัณฑ์ใหม่อื่นๆ รวมถึงได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการ Easy E-receipt ขณะที่กลุ่ม JMT มีโมเมนตัมเชิงบวก ด้าน KBJ มีการขยายพอร์ตโฟลิโอผ่าน Samsung Finance รวมถึง สุกี้ตี๋น้อย ที่มีการขยายสาขาต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง


สำหรับในปีนี้ บริษัทมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ โดยยืนยันว่าจะจ่ายได้ครบทุกชุดอย่างแน่นอน โดยในเดือน เม.ย.  จะมีทั้งสิ้นประมาณ 1,500 ล้านบาท และในเดือน ต.ค. จะอยู่ที่ประมาณ 2,387 ล้านบาท สำหรับแหล่งที่มาของเงิน จะมาจากเงินสดในมือ และสินทรัพย์ที่ซื้อขายได้และการลงทุนของกลุ่ม สินเชื่อระยะยาวจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ในปีนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะออกหุ้นกู้หมุนเวียน (Roll Over) ประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท


นายเอกชัย สุขุมวิทยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร -สายงานเทคโนโลยี JMART กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนา One ID หรือ การยืนยันตัวตนที่เป็นรูปแบบเดียวกับระบบธนาคาร ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมีคนมายืนยันตัวตนกับบริษัทแล้ว 2 ล้านคน เนื่องจากบริษัทมีการขายสินค้าและบริการในกลุ่ม โดยข้อมูลที่ลูกค้ายืนยันตัวตนนั้น บริษัทจะสามารถนำไปสร้างและเสนอผลิตภัณฑ์ให้ตรงเป้าหมายกับลูกค้าได้มากขึ้น ขณะที่ ด้าน JPoint จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยปัจจุบัน มีผู้ใช้งาน หรือ User ประมาณ 9 แสนคน และคาดว่าจะมีผู้ใช้งานเพิ่มเป็น 1.8 ล้านคน ภายในปีนี้


สำหรับในปี 70 จะเจาะตลาดด้วยการเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจ COE รวมถึงยกระดับ JPoint ให้เป็นที่ยอมรับ เป็น CRM 10 อันดับแรกระบบจุดในประเทศไทย


นายกิติพัฒน์ ชลวุฒิ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-สายงานการลงทุน JMART กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาจะได้เงินปันผลจากการลงทุนในปีที่ผ่านมา 800 ล้านบาท จากการเข้าไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะสุกี้ตี๋น้อยที่มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้ 7,029 ล้านบาท และกำไรสุทธิแตะ 1,169 ล้านบาท เติบโต 28% เป็นผลจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาสุกี้ตี๋น้อยมีสาขาทั้งสิ้น 78 สาขา เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะยังมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง


นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ JAS Asset บริษัท ยังมีแผนที่จะขยาย IT Junction อย่างต่อเนื่อง ส่วนศูนย์การค้า ซึ่งปัจจุบันมี 8 แห่ง ส่วนความคืบหน้าของขอนแก่น คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 69 ขณะที่ TEENOI BBG ในปีนี้จะเปิดประมาณ 5 สาขาด้วยกัน รวมถึงในปีนี้ จะเห็นร้านค้าใหม่ๆ ใน JAS Asset เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน


นายดุสิต สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก บริษัทยังมั่นใจว่า โครงการรัฐบาล และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มยอดขายผ่านออนไลน์ จะตอบโจทย์และมีการเติบโตที่ดีขึ้นได้ ขณะเดียวกัน บริษัทยังเดินหน้าทำโปรโมชั่นผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งการดำเนินการต่างๆ จะทำให้กลุ่มรีเทล เติบโตได้ถึง 30% ได้อย่างแน่นอน

ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญของโครงสร้างแนวโน้มขาลงระยะยาวที่ 9.50 แต่เราคาดว่า แนวโน้มของราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวเหนือแนวรับสำคัญกลับขึ้นไป โดยมีแนวต้านที่ 11.00 และ 12.00 แต่ถ้าราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่า 9.50 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 9.00 และ 8.50

ช่องทางเฟสบุ๊ก ติดตามข่าวได้ที่เพจ ทันหุ้นออนไลน์

https://www.facebook.com/thunhoonnews

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X