#COM7 #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส
การเติบโตของกำไรจะเร่งตัวขึ้นตลอดปี 68
บล.ดีบีเอสฯคาดว่า COM7 จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 884 ล้านบาท (+6.7% y/y, -14.3%q/q) การเติบโต y/y ที่ไม่สูงเป็นผลจากรายได้อื่นที่ลดลงเพราะในไตรมาส 1/67 มีรายได้จากการกลับรายการและขาย NPL 34 ล้านบาท
สำหรับรายได้ไตรมาสนี้คาดเติบโต 7.8% y/y หนุนโดยยอดขายสมาร์ทโฟนที่เปิดตัวปลายปีก่อน รวมถึงการผลักดันยอดขายผลิตภัณฑ์ใหม่และยอดขายของสาขาที่เปิดใหม่ด้วย ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 13% จาก 12.7% ในไตรมาส 1/67 จากทำโปรโมชั่นน้อยลงและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น การควบคุมค่าใช้จ่ายขายและบริหารทำได้ดี
ลงทุนในธุรกิจให้เช่าและลิสซิ่งยานยนต์ไฟฟ้า เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าบอร์ดบริษัทมีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้น 99.99% ใน EV7 จากบริษัท Gold Integrate Company Limited (ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน) มูลค่าลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท โดย EV7 ดำเนินธุรกิจให้เช่าและลีสซิ่งยานยนต์ไฟฟ้า สถานีชาร์จ และอุปกรณีที่เกี่ยวข้อง หลังซื้อกิจการ COM7 มีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนของ EV7 จาก 40 ล้านบาท เป็น 140 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
.
บริษัทวางแผนใช้แพลตฟอร์ม EV7 ในการให้เช่ารถแท๊กซี่ไฟฟ้าผ่านดีลเลอร์ AION ในระยะแรกบริษัทตั้งเป้าปล่อยเช่าแท๊กซี่ไฟฟ้าจำนวน 200 คัน พร้อมกับโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ 100 คนแรกที่เข้าร่วมโครงการโดยกำหนดค่าเช่าที่ 666 บาทต่อวัน (จากปกติ 777 บาทต่อวัน) ซึ่งแพ็กเกจที่บริษัทนำเสนอจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับคนขับแท๊กซี่ โดยมาจากค่าเช่ารายวันที่ต่ำลงและต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง ส่งผลให้พวกเขาสามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อวัน (อยู่ที่ประมาณ 223-373 บาทต่อวัน ตามการคำนวณของบริษัท) ทั้งนี้ปัจจุบันไทยมีแท๊กซี่ EV/คิดเป็นเพียง 39% ของทั้งหมด และในปี 68-69 จะมีรถแท๊กซี่หมดอายุราว 3 หมื่นคันปีจากการคำนวณของเรา โดยสมมติว่าต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 3% และมีการตั้งสำรอง 10% ของรายได้จากการเช่าแท๊กซี่ไฟฟ้า การปล่อยเช่าแท๊กซี่ไฟฟ้าทุกๆ 100 คันจะสร้างกำไรสุทธิเพิ่มเติมประมาณ 20 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.5% ของประมาณการกำไรปี 2568F
.
บล.ดีบีเอสฯ คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 29 บาท (DCF : WACC 8.4%, TG 2.5%) โดยคาดการณ์กำไรหลักปี 68F เติบโต 10%y/y มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 8% y/y โดยหลักมาจากการขยายสาขา และรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงอัตรากำไรที่ดีขึ้น (แต่ยังไม่รวมรายได้จากการให้เช่ารถแท๊กซี่) ณ ราคาปัจจุบันมี P/E ปี 68F ที่ 13.0 เท่า (Mean-1.5SD)
.
บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย
.
ความกังวลต่อโครงการแท๊กซี่EV มีมากเกินไป
Highlights
ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 68 ที่ 10%+ อัตราตอบแทนเงินปันผลที่ยั่งยืนที่ 3-4% และปัจจัยกระตุ้นการเติบโตใหม่จากโครงการแท๊กซี่ EV
ผู้บริหารมองเห็นการลงทุนที่ปรับขนาดได้และสร้างผลกำไรได้ดีในโครงการแท๊กซี่ EV โดยหวังที่จะเพิ่มสัดส่วนของแท๊กซี่ใหม่ที่ 10%-30% อัตรากำไรสุทธิที่ 20%-30% และ IRR ที่ 10%+ หากไม่รวม upside risk และ downside risk จากโครงการแท๊กซี่ EV แล้ว เรามองว่าธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีที่สร้างรายได้มหาศาลกำลังเติบโต เพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" และราคาเหมาะสมสิ้นปี 68 ที่ 24.50 บาท
.
Investment Topics
เหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 มี.ค. COM7 จัดการประชุมนักวิเคราะห์ครั้งแรกในรอบ 3 ปี
มีอะไรใหม่? ประการแรก ผู้บริหารยืนยันเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2568 สำหรับธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีแบบดั้งเดิมที่ 10% ประการที่สอง ผู้บริหารมองว่าอัตราตอบแทนเงินป็นผลที่ 3-4% นั้นน่าจะยั่งยืน ประการที่สาม ผู้บริหารยังคงมองหาปัจจัยกระตุ้นการเติบโตใหม่ เช่น โครงการแท๊กซี่ไฟฟ้า (EV) ซึ่งอาจเร่งเฟสการเติบโตของบริษัทฯ ให้เร็วขึ้นได้ และประการสุดท้าย ผู้บริหารใช้ความระมัดระวังในการลงทุน โครงการแท๊กซี่ไฟฟ้าที่ต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่
โครงการแท๊กซี่ไฟฟ้า ในมุมมองของเรา ผู้บริหารคาดหวังไว้สูงว่าโครงการแท๊กซี่ไฟฟ้าจะขยายตัวได้และมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต ขณะที่ในมุมมองผู้บริหาร ณ ขณะนี้ COM7 จะจัดหารถยนต์จาก GIC พร้อมประกันภัยจาก iCare แล้วให้คนขับแท๊กซี่หรืออู่แท๊กซี่เช่า ผู้บริหารระบุว่า GIC จะเสนอราคาที่สามารถแข่งขันได้ (0.8 ลบ.ต่อคัน) และรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้านาน 8 ปี โดย COM7 กำหนดอัตราค่าเช่าที่ใกล้เคียงกันคือ 777 บาทต่อวัน ด้วยข้อเสนอที่น่าสนใจดังกล่าว ผู้บริหารจึงตั้งเป้าที่จะครองส่วนแบ่ง 10%-30% ของความต้องการแท๊กซี่ใหม่ต่อปี และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 20%-30% และ IRR ที่ 10% ขึ้นไป
.
มุมมองของเราหากมองในแง่บวก สมมติฐานการเติบโตของกำไรปกติของเราที่ 5.11% ในปี 2568 อาจมี upside risk ในช่วง 5-10% ในขณะเดียวกัน เรามีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับโครงการแท๊กซี่ไฟฟ้าใหม่ของ COM7 ซึ่งผู้บริหารตัดสินใจที่จะลงทุนด้วยความระมัดระวัง ขณะที่การคำนวณของเราแสดงให้เห็นว่าส่วนแบ่งที่ 10%-30% ของแท๊กซี่ใหม่สามารถสร้างกำไรสุทธิเพิ่มเติมได้ประมาณ 200-700 ลบ. หรือ 7%-19% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ของเรา อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ขาดหายไป 2 ประการ ได้แก่ การลงทุนในสถานีชาร์จ EV และการพัฒนาแอปพลิเคชันแท๊กซี่ภายในองค์กร รวมถึงต้นทุนในการหาสมาชิกในระยะเริ่มต้น
Valuation and Recommendation
เพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" เราเห็นว่า COM7 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากราคาหุ้นที่ปรับฐานล่าสุด ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก "ถือ" เป็น "ซื้อ" และราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ใหม่ที่ 24.5 บาท เราไม่ได้รวม upside risk และ downside risk ที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการแท๊กซี่ไฟฟ้าในประมาณการและราคาเป้าหมายของเรา ขณะเดียวกันหากไม่มีพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่มีศักยภาพ เราคาดว่าโครงการแท๊กซี่ไฟฟ้านี้อาจใหญ่เกินไปสำหรับ COM7 ที่จะประกอบธุรกิจในระดับใหญ่เช่นนี้ หากตัดการร่วมทุนใหม่ออกไป ธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีแบบดั้งเดิมของ COM7 ยังคงเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างยั่งยืนที่ 10%+/- ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
.
ราคาเป้าหมายเราคงประมาณการกำไรปกติปี 2568-70 แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลง 2.4% จาก 25.1 บาท เป็น 24.5 บาท จาก PER ที่เรากำหนดไว้ถูกถ่วงด้วยแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิที่ช้าลงของธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีแบบดั้งเดิมของ COM7 แม้ว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่ราคาหุ้น COM7 กลับร่วงลง 10.3% หลังจากรายงานผลประกอบการ โดย ณ ปัจจุบัน COM7 ซื้อขายด้วย PER ปี 2568 ที่ 13.8 เท่า
ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ 1) อุปสงค์สินค้าไอทีที่อ่อนตัวลง 2) การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในช่องทางการขายปลีกสินค้าไอที ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร และ 3) การลงทุนที่มากเกินไปในโครงการแท๊กซี่ไฟฟ้า
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม