#TEGH #ทันหุ้น - TEGH มั่นใจผลงานครึ่งปีแรกโตตามแผน มีออเดอร์ตุนล่วงหน้าแล้ว พิษภาษีทรัมป์ไม่ครอบคลุมวัตถุดิบประเภทยางดิบ ขณะที่ทั้งปีมองดีมานด์-ซัพพลายยางพาราตลาดโลกสมดุลขึ้น คงเป้ากำลังผลิตปี 2568 เพิ่มเป็น 4.3 แสนตันในไตรมาส 3/2568 แต่เป้ารายได้ประเมินอีกทีครึ่งหลัง เร่งขายยางเกรด EUDR เพิ่มเป็น 40% เดินแผนดัน TEBP เข้าตลาดหุ้นไทย
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยว่า จากกรณีนโยบายภาษีตอบโต้จากสหรัฐอเมริกาที่ปรับขึ้นสูงรอบล่าสุดที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2568 ในขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบทางตรงเนื่องจากสาเหตุหลัก 2 ประการ ได้แก่ 1. ลูกค้ามีคำสั่งซื้อเข้ามามากพอผลักดันให้ยอดขายทั้งไตรมาส 1/2568 และไตรมาส 2/2568 ขยายตัวได้ และ 2. ยางพาราในรูปแบบน้ำยางธรรมชาติ และยางแท่งอยู่ในสถานะรายการสินค้าที่ได้รับยกเว้น
สำหรับบริษัทมีสัดส่วนส่งออกไปสหรัฐอเมริกาไตรมาส 1/2568 ราว 25% จากปีที่แล้วอยู่ราว 14% โดยประมาณ และประเมินไตรมาส 2/2568 จะรักษายอดการส่งออกให้อยู่ราว 20% นอกจากนี้บริษัทยังมีการส่งออกไปอีกหลายแห่งกระจายทั่วโลก ซึ่งที่ยุโรปมีสัดส่วนใกล้เคียงกับอเมริกา
*ขยายฐานลูกค้า
โดยบริษัทมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงและมีแผนกระจายความเสี่ยง ขณะที่มีฐานลูกค้าผู้ผลิตยางล้อรถยนต์กระจายอยู่ทุกทวีปทั่วโลก ณ ปัจจุบันยังมีแผนที่จะรุกขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศอินเดียและจีนมากขึ้น ส่วนในภาพใหญ่ปีนี้มีสัญญาณดีมานด์การใช้ยางสมดุลกับซัพพลายมากขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้นจึงประเมินผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 จะขยายตัวได้ตามแผนงาน ส่วนครึ่งปีหลังต้องรอความชัดเจนของสถานการณ์ธุรกิจรอบด้านอีกครั้ง จึงค่อยพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนเป้าหมายการเติบโตรายได้ปี 2568 ที่เคยวางไว้ 30% หรือไม่ อย่างไรก็ตามในแง่เป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตยังคงไว้ที่ 4.3 แสนตัน ในไตรมาส 3/2568 จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 3.9 แสนตัน
นอกจากนี้ บริษัทได้ทำตลาดยางประเภท EUDR (EU Deforestation Free Regulation) ซึ่งให้อัตรากำไรที่ดีนั้น ปีนี้มีแนวโน้มว่ายอดขายยางแท่งเกรด EUDR จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นต้นปีที่ผ่านมาบริษัทรักษาระดับสัดส่วนยอดขายอยู่ประมาณ 35% เป้าปีนี้ตั้งไว้ที่ 40% ดังนั้นบริษัทมั่นใจยังมีความต้องการสินค้ายางแท่งเกรด EUDR โดยเฉพาะตลาดยุโรป ที่ถึงแม้จะมีการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย EUDR ออกไปอีก 1 ปี (เริ่มบังคับใช้ 31 ธ.ค. 2568) ก็ตาม
*ดันบริษัทลูกเข้าตลาด
ส่วนแผน Spin-Off บริษัทย่อย คือ บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (TEBP) ผู้ประกอบธุรกิจพลังงานทดแทนและรอบบริหารจัดการกากอินทรีย์ ความคืบหน้าผลักดันกิจการนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ล่าสุดอยู่ระหว่างรอการยื่นไฟลิ่งที่คาดจะดำเนินการต้นเดือน พฤษภาคม 2568 โดยพื้นฐานกิจการตลอดทั้งโครงสร้างมีความพร้อมมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งการเข้าระดมทุนเข้าตลาดหุ้นจะยิ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งสภาพคล่องการเงิน และขยายโอกาสสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ทั้งนี้่ภายใต้แผน Spin-Off ครั้งนี้ TEBP จะเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) เท่ากับหุ้นละ 1 บาท โดยจะออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวนไม่เกิน 75 ล้านหุ้น และ TEGH จะขายหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน 15 ล้านหุ้น รวมจำนวนหุ้นที่จะ IPO ทั้งหมดไม่เกิน 90 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30.00% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ TEBP โดยภายหลังการ IPO TEGH ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TEBP และ TEBP จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ TEGH ภายหลังการ IPO
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม