#SAK #ทันหุ้น – SAK เดินเกมรุกสินเชื่อโซลาร์รูฟท็อปรับหน้าร้อน คาดฐานลูกค้าเพิ่มเท่าตัวแตะ 1 พันราย ประเมินรายได้ 100 ล้านบาท ส่วนสถานการณ์ไตรมาสแรกสินเชื่อรวมโตใกล้เคียงเป้า NPL อยู่ราว 2.6% จากสิ้นปีก่อน 2.5% ยอมรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเสี่ยงกระทบศักยภาพลูกหนี้เกษตรกร ทว่าทั้งปีคงเป้าพอร์ตสินเชื่อปี 2568 ขยายตัว 15% เน้นบริหารรัดกุม
นายศิวพงศ์ บุญสาลี ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยภายใต้แบรนด์ ศักดิ์สยามลิสซิ่ง เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ย่างเข้าฤดูร้อนถือเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ความต้องการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่อยู่อาศัยเพื่อประหยัดพลังงานจะสูงอย่างมีนัย สอดรับกับแผนขยายผลิตภัณฑ์สินเชื่อโซลาร์รูฟท็อปลูกค้าครัวเรือนในตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยบริษัทมีฐานลูกค้าผลิตภัณฑ์นี้อยู่แล้วราว 500 ราย และภายในสิ้นปี 2568 นี้คาดเพิ่มเป็น 1,000 ราย พร้อมกับประเมินรายได้ไว้ราว 100 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมธุรกิจสินเชื่อในไตรมาส 1/2568 ที่เพิ่งผ่านมายังขยายตัวดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนในระดับใกล้เคียง 10% ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมที่ต้องระมัดระวังเนื่องจากฐานกลุ่มลูกค้าหลักของ SAK เป็นชาวเกษตรกรต่างจังหวัดซึ่งปีนี้ราคาพืชผลการเกษตรหลายชนิดโดยเฉพาะข้าวไม่ได้ดีนัก อีกทั้งผลผลิตอีกหลายชนิดตัวอย่างเช่น อ้อย ข้าวโพด เติบโตช้ากว่าปกติ จึงส่งผลให้ศักยภาพการเงินของเกษตรกรตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามไตรมาสแรกตัวเลขหนี้เสียก็ยังไม่ได้สูงขึ้นเกินปกติ ตัวเลข NPLs รวมอยู่ที่ 2.6-2.7% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ราว 2.5% โดยในไตรมาส 2 และ 3 ถือเป็นช่วงฤดูฝนแล้ว น่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
*เดินธุรกิจรอบคอบ
ส่วนเป้าหมายการขยายตัวพอร์ตสินเชื่อทั้งปี 2568 คงไว้ที่ 15% แตะ 16,600 ล้านบาท ยึดวิสัยทัศน์เป็นผู้นำสินเชื่อเพื่อสังคม สร้างรากฐาน สร้างงาน สร้างคน บริการดี มีมาตรฐาน มอบผลิตภัณฑ์สินเชื่อและบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร
พร้อมกับมุ่งบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พิจารณาการปล่อยสินเชื่อโดยความรัดกุม และเป็นธรรม ควบคุมหนี้ NPLs ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกรอบ 2.5% ซึ่งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้ระหว่างประเทศถือเป็นประเด็นที่บริษัทใส่ใจติดตามเพื่อนำมาประเมินและวางกลยุทธ์ธุรกิจด้วย เพราะหากการส่งออกของประเทศไทยติดขัด ลูกค้าของบริษัทที่รายได้มีความสัมพันธ์กับการเติบโตการส่งออกสินค้าเกษตรย่อมกระทบตาม
*รุกขยายสาขาเพิ่ม
ด้านแผนขยายสาขาช่วงไตรมาส 1/2568 ได้เพิ่มอีก 50 สาขา รวมเป็นสาขาเท่ากับ 1,079 สาขา ครอบคลุมทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง เพื่อขับเคลื่อนประชาชนฐานรากเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
ส่วนระหว่างไตรมาส 2/2568 อาจไม่มีแผนเปิดสาขาเพิ่มโดยเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ แล้วจะไปเปิดสาขาเพิ่มอีกทีช่วงไตรมาส 3/2568 ส่วนจำนวนที่ชัดเจนรอการประเมินอีกครั้งขึ้นอยู่กับพัฒนาการสถานการณ์เศรษฐกิจประกอบด้วย ซึ่งโดยปกติต่อสาขาใช้งบลงทุนราว 2-3 แสนบาทต่อสาขา
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม