#SCGP #ทันหุ้น - บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP จะแจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 ในวันที่ 29 เม.ย.68 โบรกเกอร์คาดการณ์ว่าจะมีกำไรสุทธิระดับ 700-800 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้น SCGP วันที่ 28 เม.ย. ราคาเคลื่อนไหวในช่วง 13.40-13.60 บาท ก่อนปิดครึ่งวันเช้าที่ 13.50 ลดลง 0.10 บาท หรือลดลง 0.74% มูลค่าการซื้อขาย 45.97 ล้านบาท
IAA Consensus โบรกเกอร์แนะนำ “ซื้อ” 7 ราย แนะนำ “ถือ” 7 ราย และแนะนำ “ขาย” 2 ราย ให้ราคาเหมาะสมในช่วง 10.00-29.00 บาท มีค่ากลาง (Median) 14.75 บาท
.
บล.เคจีไอคาดว่า SCGP จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 683 ล้านบาท โดยฟื้นตัวแข็งแกร่งจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ด้วยแรงหนุนจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนที่ลดลง และมีกำไรปกติที่ 693 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กำไรยังคงลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากการขาดทุนอย่างต่อเนื่องของ Fajar
การผ่อนปรนภาษีนำเข้าชั่วคราวจากสหรัฐฯ อาจช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะสั้น แต่ความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังคงมีอยู่
บล.เคจีไอคาดว่ากำไรจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2568F แต่ได้ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 13.80 บาท สะท้อนจากปริมาณและราคาที่ลดลง รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค
.
บล.หยวนต้า ระบุว่าคาดกำไรปกติ ไตรมาส 1/68 ที่ 715 ล้านบาทฟื้นตัวเด่น QoQ จากฐานที่ต่ำหลังได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่ฟื้นตัวตามฤดูกาลและอัตรากำไรขั้นต้นรวมที่ฟื้นตัว ขณะที่ YoY คาดกำไรปกติลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อนหลังถูกกดดันจากผลขาดทุนของ Fajar และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นหลังเพิ่มสัดส่วนการลงทุน
ปรับกำไรปี 2568-69 ลงเป็น 2,916 ล้านบาท และ 3,411 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนเศรษฐกิจจีนและอินโดนีเซียที่มีโอกาสฟื้นตัวช้ากว่าคาด (ผลจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่
รุนแรงมากขึ้น)
.
เบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 2/68 ที่ระดับ 700-800 ล้านบาท ฟื้นตัว QoQ ต่อเนื่องตามปัจจัยฤดูกาลและต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลง ขณะที่ YoY คาดลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อน ทั้งนี้หากมองไปช่วงครึ่งปีหลัง 2568 คาดกำไรปกติทรงตัวได้ HoH และกลับมาเติบโต YoY ได้
ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 15.00 บาท/หุ้น
บล.หยวนต้ามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 16% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนความเสี่ยงเชิงเศรษฐกิจที่สูงขึ้นจากสงครามการค้าไปบางส่วนแล้ว ขณะที่คาดกำไรปกติในช่วงของการฟื้นตัว คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับการลงทุนระยะยาว
.
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์สคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/68 หดตัว YoY แต่ฟื้นตัว QoQ โดยประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ไว้ที่ 736 ล้านบาท (ลดลงจากกำไรสุทธิ 1.72 พันล้านบาทในไตรมาส 1/67 แต่ดีขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 57 ล้านบาทในไตรมาส 4/67) การฟื้นตัว QoQ เป็นผลจาก ปริมาณขายโดยรวมที่ดีขึ้น โดยอุปสงค์บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศยังคงแข็งแกร่ง, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่กลับสู่ภาวะปกติหลังมีปิดซ่อมบำรุงโรงงานในไตรมาส 4/67
ด้าน EBITDA ในไตรมาลนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 3.62 พันล้านบาท (-25% YoY, +29% CoQ) ส่วน EBITDA margin คาดไว้ที่ 10.8% ลดจาก 14.2% ในไตรมาส 1/67 แต่ดีขึ้นจาก 9% ในไตรมาส 4/67
.
บล.ดีบีเอสฯ คงคำแนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 14.00 บาท (DCF) ทั้งนี้แม้ว่าราคาหุ้นได้อ่อนตัวรับข่าวลบไปพอควรแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความท้าทายจากบรรจุภัณฑ์จากจีนที่อาจเข้ามาตีตลาด และการฟื้นตัวของ Fajar ที่อาจใช้เวลามากกว่าที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย
.
บล.กสิกรไทยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ปรับตัวสูงขึ้น QoQ
คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/68จะฟื้นตัวอย่างมากเป็น 779 ลบ. จากขาดทุนในไตรมาส 4/67 จากการดำเนินงานหลักที่ดีขึ้น และไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ
บล.กสิกรไทยมีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อแนวโน้มไตรมาส 2/68 เนื่องจากบล.กสิกรไทยคาดว่าราคาต้นทุนที่ลดลงจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ GPM
บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับลดราคาเหมาะสมลงจาก 20.00 บาท เป็น 14.00 บาท เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรลง 3% และ 6% ในปี 68-68-69 และการปรับลดตัวคูณมูลค่าหุ้น
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม