#delta #ทันหุ้น - การซื้อขายหุ้นของบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA วันที่ 29 เม.ย. ราคาเคลื่อนไหวในช่วง 84.00-87.00 บาท ก่อนปิดช่วงเช้าที่ 85.25 บาท เพิ่มขึ้น2.00 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2.40% มูลค่าการซื้อขาย 1,508.58 ล้านบาท
IAA Consensus โบรกเกอร์ให้คำแนะนำ “ซื้อ” 3 ราย แนะนำ “ถือ” 5 ราย และแนะนำ “ขาย” 11 ราย ให้ราคาเหมาะสมในช่วง 45.00-100.00 บาท มีค่ากลาง (Median) 71.50 บาท
.
บล.บียอนด์ยังคงประมาณการรายได้ปี 2568–2570 ให้เติบโต 10–15% โดยปัจจัยหลักยังมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Data Center ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปี 2568 คาดว่าทรงตัวราว 25%
ด้านค่าใช้จ่าย SG&A มีแนวโน้มผันผวน แม้ในปี 2568 จะลดลงเพราะสัดส่วนยอดขายจากผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายใต้ DELTA Thailand สูงขึ้น
แต่หากบริษัทเดินหน้าเปิดโรงงานใหม่เพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของ DELTA Taiwan ตามแผน ยอดขายที่ผลิตภายใต้สิทธิบัตรของไต้หวันอาจเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ค่า Royalty และ SG&A ต่อรายได้ปรับสูงขึ้นในระยะถัดไป อาจกระทบอัตรากำไรสุทธิในช่วงปี 2025–2027
.
สงครามการค้า - Royalty ยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ
บล.บียอนด์ยังคงคำแนะนำ “ลดน้ำหนักลงทุน” ราคาเป้าหมายที่ 70 บาท สำหรับสิ้นปี 2568โดยอิงสมมติฐาน PER ปี 2568 ที่ 47 เท่า ซึ่งอยู่ใกล้ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 2 ปีในกรอบ -1 SD แม้ว่าบริษัทจะได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของตลาด AI แต่เรายังมีความกังวลต่อ (1) ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน และ (2) ความผันผวนของค่าใช้จ่ายด้าน Royalty ซึ่งอาจปรับเพิ่มขึ้น หากสัดส่วนการผลิตภายใต้สิทธิบัตรของ DELTA Taiwan ขยายตัวในระยะต่อไป
.
บล.บัวหลวงระบุว่าโมเมนตัมดีในไตรมาส 2/2568 แต่เสี่ยงในครึ่งหลังของปี 2568
โมเมนตัมจาก AI และดาต้าเซ็นเตอร์หนุนการเติบโตของ DELTA ในครึ่งแรกของปี 2568 แต่มีข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตของสินค้าดาต้าเซ็นเตอร์, ยอดขายสินค้า EV ที่ชะลอตัว และต้นทุนค่าลิขสิทธิ์–กฎหมายที่เพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี 2568 จะจำกัดอัพไซด์ ขณะที่มูลค่าหุ้นปัจจุบันให้โอกาสเสี่ยง/ผลตอบแทนยังไม่น่าสนใจ
ในแง่ของมูลค่า DELTA ซื้อขายอยู่ที่ PER ปี 2568 ที่ 55 เท่า ใกล้ค่าเฉลี่ยระยะยาวของบริษัท หากโมเมนตัมไตรมาส 2/68แข็งแกร่ง อาจหนุนราคาหุ้นไปสู่ช่วง +0.5ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (92–95 บาท) แต่ดาวน์ไซด์ก็อยู่ใกล้ -0.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (70–75 บาท) เมื่อราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนปัจจัยบวกไปมากแล้ว บล.บัวหลวงมองว่าความเสี่ยง/ผลตอบแทนในตอนนี้ยังไม่น่าสนใจ
.
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สมองว่าแนวโน้มอุปสงค์ยังคงแข็งแกร่ง
มีแรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวกับ AI, นวัตกรรมดิจิทัล และการประมวลผลสมรรถนะสูง (High-Performance Computing)
คาดว่าจะยังมีการย้ายฐานการผลิตเพิ่มเติมมาไทย เพื่อลดการพึ่งพาการดำเนินงานในจีน ซึ่งจีนมีแนวโน้มถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรนำเข้าจากสหรัฐฯ สูงกว่าไทย (ปัจจุบันจีน 146%, ไทย 36%) แม้เราคาดว่าอัตราภาษีสุดท้ายจะปรับลดลงหลังการเจรจาทวิภาคีกับทางการสหรัฐฯ แต่ขณะนี้อัตราภาษีฯ ยังคงไม่แน่นอน
DELTA ยังคงลงทุนมากในไทย ทั้งในรูปแบบของการขยายโรงงานเดิมและการก่อสร้างโรงงานใหม่ โดยโรงงานใหม่สองแห่งของ DELTA ในเขตอุตสาหกรรมเวลโกรว์ มีกำหนดแล้วเสร็จภายใน มิ.ย. 2568 ซึ่งจะช่วยบรรเทาข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตในปัจจุบันได้
บล.ดีบีเอสฯปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” (เดิม “ขาย”) โดยให้ราคาพื้นฐาน 100 บาท อิงกับ PER ปีนี้ที่ 54 เท่า ทั้งนี้ บล.ดีบีเอสฯปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568-69 ขึ้น +12% และ +11% สะท้อน GPM ที่สูงกว่าที่ประเมินไว้ และค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ ส่งผลให้กำไรหลักปี 2568-69 จะเติบโต +9% และ +12% ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เป็นเงินสดสุทธิ
.
บล.เอเซียพลัส มองแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 น่าจะยังโตต่อเนื่องทั้ง QoQ และ YoY เพราะคาดยอดขายสินค้าเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ยังเติบโต ตามความต้องการใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยังโตแรง อีกทั้งคาดว่าลูกค้าจะเร่งสั่งซื้อสินค้าในระหว่างที่ยังอยู่ในช่วง 90 วัน ที่สหรัฐจะยังไม่คิดภาษีตอบโต้กับสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆรวมทั้งสินค้าของ DELTA ของไทย
• กำไรสุทธิไตรมาส 1/68 มีสัดส่วน 28% ของคาดการณ์ทั้งปี และน่าจะยังดูดีต่อในไตรมาส 2/68 บล.เอเซียพลัสจึงปรับประมาณการกำไรปี 2568 เพิ่มจากเดิม 5% เป็น 2.1 หมื่นล้านบาท (+10% YoY) และปรับเพิ่ม PER ปี 2568 ขึ้นจากเดิมที่ 39.7 เท่า, -2.0 S.D จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ซึ่งเป็นกรณีเลวร้ายที่ได้ปรับลงจากก่อนนี้ที่อิง -0.25 S.D เพราะกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้า และยังต้องเริ่มจ่ายภาษีขั้นต่ำสำหรับบริษัทข้ามชาติ (GMT) 15% ตั้งแต่ต้นปีแต่จากสถานการณ์ที่ดูผ่อนคลายลงกว่าที่คาด ทำให้บล.เอเซียพลัสปรับเพิ่ม PER ปี 2568 เป็น 52.1 เท่า (-1.0 S.D) ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2568 เพิ่มจาก 63 บาท เป็น 87 บาท จึงปรับคำแนะนำจาก “Underperform” ขึ้นเป็น “Neutral”
.
บล.โกลเบล็ก ระบุว่าแนวโน้มครึ่งหลังปี 2568 แข็งแกร่งขึ้นแบบไตรมาสต่อไตรมาส แม้จะยังเผชิญความท้าทาย
ฝ่ายบริหารมีความมั่นใจว่ารายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีมาร์จิ้นสูงยังคงเติบโตได้ดี โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่ถูกกักเก็บไว้ (pent-up demand) จากคลื่นลูกที่สองของดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเริ่มใช้ชิปรุ่นใหม่ที่ทรงพลังมากขึ้นและต้องการแหล่งจ่ายไฟที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นความได้เปรียบหลักของเดลต้า อย่างไรก็ตาม DELTA ก็มีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการผลิตให้เพียงพอและส่งมอบได้ทันเวลาให้กับลูกค้า บางส่วนของลูกค้าก็เร่งสั่งซื้อท่ามกลางความเสี่ยงในอุตสาหกรรม
บล.โกลเบล็กคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 89 บาท เป็น 99 บาท โดยอิงจากอัตราส่วน P/E ปี 2568 ที่ 60 เท่า เนื่องจากมองว่าราคาหุ้น DELTA อาจได้รับการประเมินมูลค่าใหม่ในทางบวกเพิ่มเติม จากอุปสงค์ของเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งแข็งแกร่งกว่าคาด โดยตลาดกำลังเปลี่ยนผ่านจากเฟสแรกของ DC-DC ไปสู่แหล่งจ่ายไฟที่ต้องรองรับชิปประสิทธิภาพสูงมากขึ้น
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม