#itc #ทันหุ้น - การซื้อขายหุ้นของบริษัทบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC วันที่ 29 เม.ย. ราคาเคลื่อนไหวในช่วง 11.00-12.80 บาท ณ เวลา 15.15 น. ราคาอยู่ที่ 12.70 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือลดลง 3.05% มูลค่าการซื้อขาย 283.28 ล้านบาท
IAA Consensus โบรกเกอร์ให้คำแนะนำ “ซื้อ” 8 ราย แนะนำ “ถือ” 6 ราย และแนะนำ “ขาย” 3 ราย ให้ราคาเหมาะสมในช่วง 11.50-32.00 บาท มีค่ากลาง (Median) 19.94 บาท โบรกเกอร์มีการปรับลดราคาเหมาะสมของหุ้นลง
.
บล.ดาโอ แนะนำ “ถือ” หุ้น ITC ปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 14.00 บาทจากเดิมที่ 17.00 บาท โดยได้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568 ลง 17% เป็น 2.8 พันล้านบาท ลดลง 27% เพื่อสะท้อนการปรับลดเป้าหมายปี 2568 ของบริษัท สำหรับไตรมาส 2/68 เบื้องต้นคาดการณ์กำไรปกติจะอ่อนตัวลงต่อเนื่อง YoY และ QoQ จากผลกระทบนโยายภาษีของทรัมป์ รวมถึงแนวโน้มการเริ่มเห็นผลกระทบเกณฑ์ GMT
.
บล.บัวหลวงปรับลดประมาณการกำไร และราคาเป้าหมายของ ITC เพื่อสะท้อนความเสี่ยงด้านมาตรการภาษีของสหรัฐฯ แล้ว บล.บัวหลวงจึงยังคงประมาณการและมูลค่าหุ้นปัจจุบันไว้ดังเดิมใน MD&A ล่าสุดของบริษัท ITC ได้ปรับลดแนวโน้มปี 2568 จากเป้าหมายเดิมที่คาดมีการเติบโตของยอดขาย 13-15% YoY และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 26-27% เป็นสองสถานการณ์ดังต่อไปนี้
สถานการณ์ที่ 1: มาตรการภาษีของสหรัฐฯ อยู่ที่ 10% เป็นเวลา 9 เดือน โดยตั้งเป้าการเติบโตของยอดขาย 11-13% YoY และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 23-25%
สถานการณ์ที่ 2: มาตรการภาษีของสหรัฐฯ อยู่ที่ 10% เป็นเวลา 2 เดือน และ 36% เป็นเวลา 7 เดือน โดยตั้งเป้าการเติบโตของยอดขาย 6-8% YoY และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20-22%
จากการประมาณการของบล.บัวหลวง สถานการณ์ทั้งสองนี้บ่งชี้ว่ากำไรสุทธิในปี 2568 จะอยู่ที่ 2.26-3.29 พันล้านบาท
.
บล.ทิสโก้ยังคงคำแนะนำ “ขาย” มูลค่าเหมาะสม 12.9 บาท
จากการคาดการณ์ผลประกอบการปีนี้จะลดลง จากปัจจัยลบหลายด้านที่มาจากต้นทุนปลาทูน่าที่เพิ่มขึ้น สภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของ ITC บล.ทิสโก้ยังคงคำแนะนำ “ขาย” มูลค่าที่เหมาะสมที่ 12.9 บาท อ้างอิง PER Forward-1SD เฉลี่ยที่ 13X โดยเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันที่ซื้อขาย PER25F ที่ 13.2X คาด Dividend Yield 3.8% สำหรับ สถาณะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ (net cash)
.
บล.กสิกรไทยคงคำแนะน่า "ถือ" สำหรับ ITC และคงราคาเป้าหมายที่ 14.10 บาท โดยพิจารณาจาก มุมมองเชิงลบต่อผลประกอบการไตรมาส 1/2568 และยอดขายสินค้าพรีเมียมที่ลดลง ซึ่งส่งผลให้ GPM ลดลงและราคาขายเฉลี่ยปรับตัวลดลง เนื่องจากมีความเสี่ยงจากการเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ บล.กสิกรไทยเชื่อว่าความสามารถในการปรับราคาขายและการผลักภาระต้นทุนไปยังลูกค้ามีความกดดันต่อยอดขายและปริมาณสินค้าพรีเมียม ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 43.5% YTD เทียบกับ SET ที่ลดลง 17.2% ITC ซื้อขายด้วย PER ปี 2568/69 ที่ 11.6 เท่า/10.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ -2SD
ความเสี่ยงขาขึ้นได้แก่ 1) อัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ กำหนดต่ำกว่าคาด 2) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในปี 2568 3) ราคาปลาทูน่ามีแนวโน้มลดลง
.
บล.หยวนต้า แนวโน้มกำไรปกติ ไตรมาส 2/68 เบื้องต้น บล.หยวนต้าคาดฟื้นตัว QoQ จากการผ่านพ้นช่วง Low Season ของธุรกิจหนุน Demand ให้คาดฟื้นตัว แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาต้นทุนวัตถุดิบปลาทูน่าที่สูงขึ้น อาจกดดัน GPM รวมถึงติดตามผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่สูงขึ้นอาจกระทบ Demand ให้ชะลอลง และสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่อาจลดลงกระทบ GPM รวมถึงจะยังรับรู้อัตราภาษีจ่ายที่สูงขึ้นจาก GMT ทำให้บล.หยวนต้าคาดกำไรจะยังชะลอลง YoY เบื้องต้นบล.หยวนต้าคาดกำไรปกติในกรอบ 800 - 1,000 ลบ.
แม้ราคาหุ้นตอบรับเชิงลบ ซื้อขาย PER25 เพียง 10 เท่า แต่ระยะสั้นยังขาดปัจจัยบวกหนุน และประมาณการกำไรของบล.หยวนต้ายังมี Downside risk อีก จึงคงคำแนะนำ Trading คงราคาเหมาะสมที่ 17.80 บาท เชิงกลยุทธ์ แนะนำรอดูความชัดเจนผลกระทบของการขึ้นภาษี Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม