#SCGP #ทันหุ้น-บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/68 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน หรือ QoQ โดยมีปัจจัยบวกระยะสั้นจากความต้องการบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น หลังทรัมป์ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีออกไปอีก 90 วัน รวมไปถึงความต้องการในเวียดนามและอินโดนีเซียที่ปรับเพิ่มขึ้น ด้าน Performance ของ Fajar เป็นไปตามแผนของ SCGP คาดว่าการปรับโครงสรางทางการเงินจะแล้วเสร็จในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
ฝ่ายวิจัยยูโอบี มีมุมมองเป็นกลาง จากการเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ของ SCGP โดยจะมุ่งเน้นบริการจัดการต้นทุนผลิตทั้งการจัดการวัตถุดิบและต้นทุนพลังงาน นอกจากนี้การปรับโครงสร้างการเงินของ Fajar จะแล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะลดดอกเบี้ยจ่ายให้กับ Fajar ได้ประมาณปีละ 550 ล้านบาท โดยกระบวนการคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน มิ.ย. -ก.ค. 2568 อย่างไรก็ตามได้เห็น Improvementที่ดีต่อเนื่องจากผลขาดทุนของ EBITDA ที่ลดลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย, การปรับลดต้นทุนผลิตด้วยการเพิ่มสัดส่วนการใช้ RCP ในประเทศที่ราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับการนำเข้า
ฝ่ายวิจัย มองว่า SCGP แม้จะตั้งเป้าหมาย Utilization rate ในปี 2568 อยู่ที่ 90% หรือมากกว่า ขณะที่ SCGP มีความเชื่อมั่นที่จะเห็นผลประกอบการเติบโต ในทุกไตรมาสที่เหลือของปีนี้ แต่ยังคงกังวลต่อผลกระทบจากภาษีนำเข้าของทรัมป์ ที่มีต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในครึ่งหลังปีนี้ ทำให้มีโอกาสที่จะทำให้ Utilization rate ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
กลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำถือหุ้น SCGP ให้ราคาเป้าหมายที่ 13.20 บาท
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม