ทดสอบความเชื่อมั่น

#ทันหุ้น - หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ตามที่คาด แต่สะท้อนความกังวลว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ กำลังเข้าสู่จุดเปราะบาง นั่นคือ การรักษาการจ้างงานให้เต็มศักยภาพควบคู่ไปกับการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ที่เป้าหมาย 2% ซึ่งตลาดหุ้นไทยตอบรับไปแล้ว แรงขายทำกำไรระสั้นหลังดัชนีปรับตัวเหนือระดับ 1,200 จุด ก็ไม่ใช่สิ่งเหนือความคาดหมาย

แม้ตลาดหุ้นไทยจะยังมีแรงขายทำกำไรในระยะสั้นอยู่บ้าง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือยังมีแรงซื้อเข้ามาสู้ มันคือบททดสอบความเชื่อมั่นของนักลงทุน ว่าจะกล้าเดินหน้ากับตลาดในจังหวะที่ไม่แน่นอนหรือไม่ และนี่แหละคือช่วงเวลาสำคัญของนักลงทุนที่มีความพร้อม พร้อมในแง่ของสภาพคล่อง ความรู้ และความเข้าใจในเกมนี้

ในตลาดหุ้น ไม่มีหุ้นตัวไหนที่ดีตลอดกาล แต่ก็ไม่มีหุ้นไหนที่ไร้ค่าตลอดไปเช่นกัน นักลงทุนที่หวังผลตอบแทน ต้องมีกรอบความคิดและเครื่องมือในการประเมินมูลค่าหุ้นอย่างชัดเจน มองให้ออกว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนมูลค่าในอนาคตหรือยัง ยังมีส่วนต่างที่พอจะทำกำไรได้หรือไม่ ปัจจัยกระทบต่างๆ ที่มีผลต่อราคาหุ้น นักลงทุนต้องมองให้ออกแล้วเลือกหุ้นที่ มีพื้นฐานแข็งแรงและราคายังไม่แพง

ดัชนีหุ้นไทยอาจดูเหมือนกำลังฟื้นตัว ทะลุแนวต้านสำคัญ แต่ถ้าไม่มีปริมาณการซื้อขายเข้ามาสนับสนุน นั่นอาจเป็นแค่ภาพลวงตา นักลงทุนจึงต้องระวังให้มาก เพราะในโลกของตลาดหุ้น ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน วอลุ่มที่บางเบาคือสัญญาณเตือนว่าตลาดยังไม่พร้อม ทุกการตัดสินใจลงทุนจึงต้องมาพร้อมกับแผนบริหารความเสี่ยง และต้องเตรียมแผนรับมือล่วงหน้าเสมอ หากไม่เป็นอย่างที่คาด

การลงทุนที่จะสร้างความมั่งคั่ง ไม่ใช่แค่การเล่นตามกระแส แต่คือการประเมินรู้อนาคตได้อย่างถูกต้องมากที่สุด นักลงทุนต้องมองและประเมินได้ว่า ทิศทางเศรษฐกิจจะไปทางไหน ธุรกิจไหนจะรุ่ง อุตสาหกรรมไหนจะเกิด คำถามเหล่านี้คือเข็มทิศของนักลงทุน ไม่ใช่ข่าวลือ กระแสหุ้นร้อนรายวัน นักลงทุนที่ดีคือผู้ที่ใช้ข้อมูลวันนี้เพื่อสร้างความได้เปรียบในวันหน้า ไม่ใช่คนที่วิ่งไล่ซื้อหุ้นตามโพสต์ในกลุ่มไลน์

การลงทุนคือเกมของคนที่มีวินัย ใจเย็น คิดอย่างรอบคอบและมีแบบแผน คนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น มักไม่ใช่คนที่ซื้อหุ้นได้ถูกที่สุด หรือขายหุ้นได้แพงที่สุด แต่มักเป็นคนที่อยู่ถูกที่ ถูกเวลาและอยู่ได้นานพอ ดังนั้นการวางแผนการลงทุนต้องชัด ใช้เวลาศึกษาอย่างเป็นระบบ ไม่ตื่นตูม ไม่ไหลไปกับอารมณ์ของตลาด และที่สำคัญที่สุดคือ รู้จักรอคอย รอโอกาสดี หุ้นดี ราคาใช่ แล้วค่อยลงทุน

สุดท้าย ไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลง หุ้นจะพุ่งหรือร่วง ความเชื่อมั่นในการลงทุน จะมาจากการรู้จักตนเอง ไม่ใช่จากการทำนายหรือเสี่ยงโชคหวังดวง นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้เก่งเพราะรู้อนาคต แต่เพราะรู้ว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหน และไม่ลงทุนเกินตัว ถ้าเรามีวินัย มีความรู้ และมีแผนที่ดี โอกาสสำเร็จและคว้ากำไรจากตลาดหุ้นก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน โชคดีครับ