09 พฤษภาคม 2025 เวลา 11:03 น.
หาก BTC ทะลุ $105,000! อาจจุดชนวน “Short Covering” ดันราคาทำจุดสูงสุดใหม่
Bitcoin ทะยานขึ้นแตะระดับ $104,000 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือน โดยเพิ่มขึ้นถึง 4.6%ภายในวันเดียว การพุ่งขึ้นครั้งนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดฟิวเจอร์ส ทำให้มีการล้างพอร์ตของฝั่งขาลงกว่า $205 ล้าน และยังส่งผลให้เกือบทุก Put Option (สิทธิขาย) เสียมูลค่า
ปัจจุบัน มีมูลค่า Open Interest ของ Put Option รวมกันกว่า $8.3 พันล้านเหรียญ แต่ถึง 97% ของสัญญาเหล่านั้นวางอยู่ต่ำกว่าราคา $101,000 ซึ่งหากราคายังอยู่เหนือระดับนี้ สัญญาเหล่านั้นก็จะหมดอายุโดยไร้ค่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
Bitcoin put (sell) options open interest เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน-กรกฎาคม ที่มา: Laevitas.ch
แต่ใช่ว่านักเทรดทุกคนที่ถือ Put Option จะขาดทุน เพราะบางคนอาจขาย Put Option ตั้งแต่แรก เพื่อเก็งกำไรจากราคาที่พุ่งขึ้น กลยุทธ์ยอดนิยมอย่างหนึ่งใน Deribit (ตลาดออปชั่นคริปโต) คือ “Bull Put Spread” ซึ่งเป็นการขาย Put ที่ราคาหนึ่ง พร้อมกับซื้อ Put ที่ต่ำกว่า เพื่อจำกัดความเสี่ยงขาลง
นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์นี้มองว่าราคา BTC น่าจะสูงขึ้น เช่น อาจขาย Put ที่ $100,000 และซื้อ Put ที่ $95,000 เพื่อเก็งกำไรแบบจำกัดความเสี่ยง
BTC option strategies ที่ Deribit ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มา: Laevitas.ch
บรรยากาศในตลาดยังสะท้อนถึงความมั่นใจของนักเทรด ด้วยกลยุทธ์แนวรุกอย่าง “Bull Call Spread” และ “Bull Diagonal Spread” ที่คาดว่าราคา BTC จะยังคงสูงกว่าราคาที่เปิดสัญญาไว้เมื่อถึงวันหมดอายุ
ถ้า Bitcoin สามารถยืนเหนือ $100,000 ได้ต่อเนื่อง กลยุทธ์ขาขึ้นเหล่านี้ก็จะเริ่มเห็นกำไรชัดเจนในช่วงหมดอายุของสัญญาเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ส่งผลให้เทรดเดอร์มีแรงจูงใจที่จะดันราคาให้สูงขึ้นต่อ
อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงต้านจากฝั่ง Short (ผู้ขายล่วงหน้า) ในตลาดฟิวเจอร์สที่มี Open Interest รวมสูงถึง $69 พันล้านเหรียญ ซึ่งอาจพยายามกดราคาลงเพื่อป้องกันการขาดทุน
กำไร/ขาดทุนจากการขายแบบ Bull Put Spread ที่มา: Strike-Money
แต่หากราคาทะลุ $105,000 ได้ ก็มีโอกาสสูงที่ผู้เล่นฝั่ง Short จะต้อง “ปิดสถานะ” หรือ Short Covering เพื่อหยุดขาดทุน ซึ่งอาจยิ่งดันให้ราคาพุ่งแรงขึ้นอีก และมีลุ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่เหนือ $109,354 ในอนาคตอันใกล้
ทั้งนี้ ยังมีผู้เล่นบางส่วนที่ใช้กลยุทธ์แบบ “Carry Trade” โดยซื้อ BTC แบบสปอตหรือผ่าน ETF พร้อมกับขายฟิวเจอร์สในปริมาณเท่ากัน เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคา กลยุทธ์นี้เป็นแบบ Delta Neutral ซึ่งไม่หวังพึ่งการขึ้นหรือลงของราคา แต่หวังกำไรจาก Premium ในฟิวเจอร์ส
แต่ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา Premium ของฟิวเจอร์สต่ำกว่า 8% ทำให้แรงจูงใจในการใช้ Carry Trade ลดลง ดังนั้นหากราคาทะลุ $105,000 จริง ก็มีโอกาสเห็นแรง Short Covering เกิดขึ้นบางส่วน และอาจเป็นตัวเร่งให้ BTC สร้างนิวไฮได้ในเร็ว ๆ นี้
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://bitcoinaddict.org/2025/05/09/bitcoin-options-could-pave-the-path-for-new-btc-price-highs-here-is-how/
Meta จ่อคืนวงการคริปโต! เตรียมเปิดรับจ่ายด้วย Stablecoin บน Facebook และ IG
Meta บริษัทแม่ของ Facebook กำลังพิจารณานำระบบชำระเงินด้วย Stablecoin กลับมาใช้งานอีกครั้ง หลังจากเว้นระยะห่างจากวงการคริปโตไปนานกว่า 3 ปี โดยรายงานจาก Fortune ระบุว่า Meta ได้หารือกับบริษัทโครงสร้างพื้นฐานคริปโตหลายราย แม้ยังไม่มีการตัดสินใจแน่ชัด
หนึ่งในแหล่งข่าวเผยว่า Meta อาจใช้กลยุทธ์แบบ “multi-token” ซึ่งรองรับ Stablecoin หลายสกุล เช่น Tether (USDT), USD Coin (USDC) และเหรียญอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมในตลาด
การเคลื่อนไหวของ Meta ถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เริ่มหันมาสนใจและผนวก Stablecoin เข้าไว้ในระบบของตนมากขึ้น ขณะที่มูลค่าตลาดของ Stablecoin ทะลุเกิน $230 พันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางความสนใจจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
Visa – Stripe นำทีมเปิดเส้นทางใหม่สู่การชำระเงินด้วย Stablecoin
ไม่ใช่แค่ Meta เท่านั้นที่หันมาสนใจ Stablecoin ยักษ์ใหญ่สายการเงินอย่าง Visa และ Stripe ก็ขยับตามมาในเดือนพฤษภาคมนี้
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา Visa ประกาศลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้าน Stablecoin ชื่อ BVNK แม้จะไม่มีรายละเอียดเชิงลึก แต่ Rubail Birwadker หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Visa ระบุว่า Stablecoin กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดการชำระเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในวันเดียวกัน Stripe ก็เปิดให้บริการบัญชี Stablecoin สำหรับลูกค้ากว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยผู้ใช้งานสามารถเก็บเหรียญ Stablecoin โอนให้ผู้อื่น และถอนเป็นเงินเฟียตเข้าสู่บัญชีธนาคารแบบดั้งเดิมได้โดยตรง
Stablecoin กลายเป็นเครื่องมือยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ พร้อมแรงหนุนจากฝั่งการเมือง
กระแส Stablecoin ไม่ได้หยุดอยู่แค่ภาคเอกชน เพราะฝั่งการเมืองก็เริ่มขยับตัวเช่นกัน โดย World Liberty Financial (WLFI) บริษัทคริปโตที่ได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดตัว USD1 ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ผูกค่าไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ภายในเวลาเพียง 2 เดือน USD1 ก็ก้าวขึ้นมาเป็น Stablecoin ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก แสดงให้เห็นถึงความเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่อิงกับเงินเฟียต
ฝ่ายบริหารของทรัมป์ยังมองว่า Stablecoin เป็น “กุญแจสำคัญ” ในการเสริมอำนาจของเงินดอลลาร์สหรัฐในเวทีโลก โดยใช้เป็นช่องทางในการกระจายสินทรัพย์อย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เข้าถึงนักลงทุนทั่วโลกผ่านระบบดิจิทัล
แต่เส้นทางกฎหมายนั้นยังไม่ราบรื่น
แม้ฝั่งรัฐบาลจะผลักดัน แต่กฎหมายกำกับดูแล Stablecoin ก็ยังไม่สามารถผ่านวุฒิสภาได้ โดยเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา สมาชิกพรรคเดโมแครตได้คัดค้านร่างกฎหมายชื่อ “GENIUS Act” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อวางกรอบการใช้ Stablecoin อย่างเป็นทางการในสหรัฐฯ
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ Scott Bessent โพสต์ข้อความบน X (Twitter) ระบุว่า “สภาสูญเสียโอกาสครั้งสำคัญในการเป็นผู้นำ” และเรียกร่างกฎหมาย GENIUS ว่าเป็นโอกาสเพียงหนึ่งครั้งในรุ่นของเรา ที่จะขยายบทบาทของเงินดอลลาร์ให้ครองโลกต่อไปในยุคดิจิทัล
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://bitcoinaddict.org/2025/05/09/meta-exploring-stablecoin-integration-payouts/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม