Stablecoin สะพานเชื่อม Traditional Finance สู่สินทรัพย์ดิจิทัล

#Stablecoin #ทันหุ้น ไตรมาสแรกที่ผ่านมามีสถิติที่น่าสนใจเกิดขึ้นกับเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าคงที่หรือว่า Stablecoin โดยข้อมูลจาก Bitwise Crypto Market Review เปิดเผยว่ามูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารของ Stablecoin พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.18 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13.5% จากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว และแซงหน้าการทำธุรกรรมของ Visa บริษัทชำระเงินอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย

ข้อดีของ Stablecoin คือความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูงกว่าระบบการเงินเดิม ขณะที่มีต้นทุนในการทำธุรกรรมถูกลง โดยเฉพาะการนำไปใช้กับการโอนเงินระหว่างประเทศ ที่สำคัญคือการทำหน้าที่เป็นสื่อกลางซื้อขายคริปโต

การเติบโตของ Stablecoin เป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าสถาบันการเงินรวมถึงนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลมากเพียงใด เพราะเหรียญดังกล่าวทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมกับระบบการเงินใหม่ เนื่องจากกลไกการสร้าง Stablecoins จะต้องมีสกุลเงินเฟียตหนุนหลัง 100% แต่ทำงานอยู่ในรูปแบบดิจิทัลที่สามารถซื้อขายหรือทำธุรกรรมในโลกคริปโตได้

ตัวเลขการเติบโตของ Stablecoin โดยเฉพาะช่วงหลังโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดี บ่งบอกชัดเจนว่าโลกการเงินดั้งเดิมได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโลกคริปโตอย่างสมบูรณ์แล้ว และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีก

นักวิเคราะห์จากธนาคาร Standard Chartered คาดว่า ซัพพลายของ Stablecoin จะเพิ่มขึ้นจาก 230,000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบันเป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2571 หรือเพิ่มขึ้นเกือบสิบเท่าจากปัจจุบัน และจะทำให้เกิดความต้องการตั๋วเงินคลังสหรัฐมูลค่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ในอีกสี่ปีข้างหน้า

ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาคือกฎหมายการรับรอง Stablecoin ที่กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาของรัฐสภาสหรัฐฯ ที่เรียกว่า Stablecoin ACT โดยจะเปิดให้สถาบันการเงินต่าง ๆ สามารถมาขอรับใบอนุญาตในการออก Stablecoin โดยมีสกุลเงินดอลลาร์หนุนหลังได้ คาดว่าจะทำให้ซัพพลายของ Stablecoin เติบโต และมีผลต่อมูลค่าตลาดคริปโตด้วย เนื่องจากจะทำให้เกิดแรงซื้อในสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ เข้ามา

การที่สหรัฐฯ เป็นผู้บุกเบิกเรื่อง Stablecoin ด้วยตัวเอง น่าจะทำให้ประเทศอื่น ๆ หันมาส่งเสริมการใช้งานตามไปด้วยเช่นกัน อย่างเช่นสิงคโปร์ที่มีกฎหมายรองรับการออก Stablecoin มาตั้งแต่ปี 2563 โดยสามารถออกเหรียญที่อิงกับสกุลเงินหลักของโลกได้ถึงสิบสกุล และยังเปิดทางให้สามารถชำระเงินด้วย Stablecoin ได้อีกด้วย

ส่วนประเทศไทยกำลังศึกษาเรื่องการออก Stablecoin ในรูปของสกุลเงินบาทเช่นกัน โดยยังอยู่ในโปรเจกต์ Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง แต่ถือได้ว่าเราอยู่ในบริบทเดียวกับที่หลายประเทศในโลกกำลังเดินอยู่นั่นคือการรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลผ่าน Stablecoin

นเรศ เหล่าพรรณราย Founder Ricco,นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย