#aot #ทันหุ้น – บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 มีกำไรต่ำกว่าที่โบรกเกอร์คาดการณ์ การซื้อขายหุ้น AOT วันที่ 15 พ.ค.68 ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในช่วง 33.75-35.75 บาท ณ เวลา 15.06 น. ราคาอยู่ที่ 35.325 บาท ลดลง 2.25 บาท หรือลดลง 6.00% มูลค่าการซื้อขาย 4,532 ล้านบาท
.
บล.บัวหลวงระบุว่าผลประกอบการไตรมาส 2/68 ต่ำกว่าคาด
กำไรหลักไตรมาส 2/68 ต่ำกว่าที่บล.บัวหลวงคาด
AOT รายงานกำไรหลักไตรมาส 2/68 (เดือน ม.ค. – มี.ค. 2568) ที่ 5.19 พันล้านบาท ลดลง 12% YoY และ 4% QoQ กำไรต่ำกว่าที่บล.บัวหลวงคาด 6% และต่ำกว่าตลาดคาด 12%
ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ
รายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 1.79 หมื่นล้านบาท ลดลง 2% YoY เนื่องจากส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจขายสินค้าปลอดภาษีลดลง แม้จะมีเที่ยวบินและผู้โดยสารหนาแน่นตลอดทั้งไตรมาส
รายได้จากการบินอยู่ที่ 9.38 พันล้านบาทในไตรมาส 2/68 เติบโต 12% YoY โดยหลักมาจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 8% YoY จากทั้ง 6 สนามบินของ AOT และจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น 11% YoY
รายได้ที่ไม่ใช่จากการบินอยู่ที่ 8.52 พันล้านบาทในไตรมาส 2/68 ลดลง 14% YoY โดยส่วนแบ่งรายได้ปลอดภาษีลดลง 19% YoY แม้ว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นก็ตาม เนื่องจากพื้นที่ปลอดอากรและส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลง
AOT บันทึกยอดค้างชำระจำนวน 7 พันล้านบาทจากผู้ประกอบการร้านค้าปลอดภาษี เป็นลูกหนี้การค้าไม่หมุนเวียนในงบการเงินของ AOT ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2568 เพิ่มขึ้นจาก 5 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2567
.
แนวโน้ม
ในไตรมาส 3/68 (เดือน เม.ย. – มิ.ย. 2568) บล.บัวหลวงคาดว่าจะเห็นกำไรลดลง YoY และ QoQ จากจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ลดลง YoY และ QoQ (ปัจจัยฤดูกาล)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
บล.บัวหลวงยังคงประมาณการเดิม เนื่องจากกำไรหลัก 6 เดือนแรกของปี 2568 คิดเป็น 59%ของประมาณการกำไรปี 2568 ของบล.บัวหลวง
คำแนะนำ
บล.บัวหลวงยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อ AOT เนื่องจาก ความเสี่ยงหนี้เสียที่กำลังเกิดขึ้น รายได้จากสัมปทานปลอดภาษีที่อาจลดลงในอนาคต
.
บล.เคจีไอระบุว่าแม้ว่าช่วงไตรมาสนี้จะเป็นฤดูท่องเที่ยวที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่กำไรในไตรมาส 2/68 ของ AOT ดูไม่น่าตื่นเต้น
ด้วยกำไรสุทธิ 5.05 พันล้านบาท (-12.6% YoY และ -5.4% QoQ) ซึ่งต่ำกว่าทั้งบล.เคจีไอและ consensus คาดถึง 14.9% ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 2/68 คิดเป็น 24.3%ของประมาณการกำไรทั้งปีของบล.เคจีไอที่ 2.34 หมื่นล้านบาท
ส่วนกำไรสุทธิในครึ่งปีแรก 2568 คิดเป็น 49.9% ของทั้งปี เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการครึ่งปีแรก บล.เคจีไอมองว่าประมาณการกำไรปี 2568 ปัจจุบันของบล.เคจีไอน่าจะมี downside risk จากรายได้ของธุรกิจที่ไม่ใช่การบินที่อาจต่ำกว่าคาด
ปัจจุบัน บล.เคจีไอยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี FY68 ที่ 50.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 9% และ TG ที่ 1%)
แนวโน้มระยะสั้น
บล.เคจีไอยังคงคาดว่า AOT จะได้รับผลลบจากการปรับปรุงพื้นที่เชิงพาณิชย์บางส่วนจากผู้รับสัมปทานหลายรายและพื้นที่สำนักงานบางส่วน ซึ่งจะจำกัดศักยภาพการเติบโตของรายได้จากพื้นที่เชิงพาณิชย์ของบริษัท โดยปกติแล้วรายได้กลุ่มนี้มีอัตรากำไรสูงน่าพอใจ
แนวโน้มระยะยาว
การเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาสนามบินน่าจะนำไปสู่มาตรฐานที่สูงขึ้น รองรับการเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุด (สนามบินสุวรรณภูมิ) และสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่น (สนามบินภูเก็ต) และสนามบินอื่น ๆ ภายใต้การบริหารจัดการของ AOT ขณะที่บล.เคจีไอยังเชื่อว่าค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC) จะปรับขึ้นในอนาคต
ความเสี่ยง
การกลับมาระบาดอีกระลอกของ COVID-19 เศรษฐกิจถดถอย ความไม่สงบทางการเมืองในไทย
.
บล.กสิกรไทยระบุว่ากำไรปกติไตรมาส 2/68 ต่ำกว่าคาด
AOT รายงานกำไรปกติไตรมาส 2/68 ที่ 5.20 พันล้านบาท ลดลง 4% QoQ และ 12% YoY ต่ำกว่าประมาณการของบล.กสิกรไทยและของตลาด 14% และ 12% ตามลำดับ
สาเหตุหลักมาจากรายได้สัมปทานที่ต่ำกว่าคาด กำไรที่ลดลงเชิง QoQ เกิดจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่แคบลง ขณะที่การลดลงเชิง YoY เกิดจากจำนวนผู้โดยสารที่น้อยลง รายได้สัมปทานที่ลดลง ซึ่งคำนวณจากปริมาณผู้โดยสาร รายได้รวม AOT รายงานรายได้ไตรมาส 2/68 ที่ 1.79 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% QoQ แต่ลดลง 2% YoY
AOT รายงานจำนวนผู้โดยสารรวมไตรมาส 2/68 ที่ 16.3 ล้านคน โต 6% QoQ และ 7% YoY
ผู้โดยสารระหว่างประเทศ: 9.9 ล้านคน โต 9% QoQ และ 7% YoY
ผู้โดยสารภายในประเทศ: 6.31 ล้านคน โต 2% QoQ และ 7% YoY
บล.กสิกรไทยคาดว่าอาจมี downside risk ต่อประมาณการจำนวนผู้โดยสารไตรมาส 2/68 ของบล.กสิกรไทยที่ 70.5 ล้านคน เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารในครึ่งปีแรก 2568 คิดเป็นเพียง 45%ของการคาดการณ์
แนวโน้มไตรมาส 3/68 บล.กสิกรไทยคาดว่า AOT จะรายงานกำไรปกติไตรมาส 3/68 ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวภายในประเทศ
บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายที่ 63.98 บาท บล.กสิกรไทยคาดว่าจะมี downside risk ต่อประมาณการกำไรทั้งปี เนื่องจากกำไรปกติในช่วงครึ่งแรกของ FY2568 คิดเป็นเพียง 42% ของประมาณการ บล.กสิกรไทยใช้วิธีประเมินราคาเป้าหมายแบบ DCF โดยใช้ WACC ที่ 8.1% และอัตราการเติบโตสุดท้ายที่ 3%
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม