19 พฤษภาคม 2025 เวลา 04:00 น.
ถ้ามองในแง่ของจิตวิทยาการลงทุน สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยยังอ่อนไหวต่อความผิดหวัง แต่อีกด้านหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสำคัญกับการเติบโตในอนาคตมากขึ้น ถ้า Outlook ดี และเป็นคาดการณ์ที่จับต้องได้ เช่น รายการในงบการเงิน สะท้อนโอกาสการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต นักลงทุนก็พร้อมกลับเข้าลงทุนในหุ้นเหล่านั้น ซึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจง่ายขึ้น คือ การปรับฐานลงมามากของราคาหุ้น ที่ทำให้ Valuation อยู่ในโซนไม่แพง สะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ในสถานะที่ลงทุนได้ แต่ต้องเลือกมากขึ้น
ซึ่งวันนี้ผมนำบริษัทที่น่าสนใจ และสอดคล้องกับมุมมองข้างต้น คือ ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้ว จากทั้งอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว และการปรับโครงสร้างการรับรู้รายได้ของบริษัท เพื่อให้สะท้อนภาพการเติบโตในอนาคตได้ดีขึ้น คือ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK รายงานผลประกอบการ 1Q/25 มีกำไรปกติที่ 72.5 ล้านบาท (-32% QoQ, +10% YoY) เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการรับรู้รายได้ โดยพนักงานที่ทำงานให้ JV แต่มีชื่ออยู่กับบริษัทแม่ จะถูกปรับให้เป็น Direct Headcounts หรือพนักงานโดยตรงภายใต้ JV ราว 50% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ส่งผลให้การบันทึกรายได้ส่วนนี้ในกลุ่มจะหายไป แต่ GPM ของกลุ่มจะดีขึ้นเพราะต้นทุนก็หายไปเช่นกัน รายได้หลัก 1Q/25 อยู่ที่ 347 ล้านบาท (-15% QoQ, -6% YoY) รายได้ที่ลดลงมาจากการปรับเปลี่ยนนโยบายทางบัญชีในด้าน Head Count หากตัดผลกระทบดังกล่าวออก รายได้ยังเติบโตได้ YoY ส่วน Backlogs ณ สิ้น 1Q/25 เฉพาะที่เป็นของ BBIK อยู่ที่ 880 ล้านบาท
แนวโน้มผลประกอบการ 2Q/25 นักวิเคราะห์ของเราคาดว่ากำไรจะกลับมาโตได้ทั้ง QoQ และ YoY จากการรับรู้รายได้ที่เร่งตัวขึ้น และฐานที่ต่ำใน 1Q/24 รวมถึง 1Q/25 ด้วย โดย Highlight ของ BBIK ที่ผมชอบมีอยู่ 3 ประเด็น คือ 1. ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวมาแค่ไหน ผมเชื่อว่าหลายบริษัทยังมีความจำเป็นต้องลงทุนด้าน Digital และ AI เพื่อไม่ให้ล้าหลังคู่แข่งในอุตสาหกรรม 2. เป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จาก Virtual Bank ซึ่งผมเชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะต้องมีการลงทุนด้านไอทีรอบใหม่ เพื่อรองรับธุรกรรมของกลุ่มลูกค้าทั้งรายยบุคคลและภาคธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป 3. ราคาหุ้นที่เคยอยู่ในโซนแพง เพราะเป็น High Growth Company ตอนนี้ลงมาถูกมากแล้ว โดย PER2025 อยู่ที่ 12.5 เท่า ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง เป็น Net Cash Company ไม่ต้องกังวลการทรุดตัวของเศรษฐกิจในช่วงสั้นๆ มากนัก ขณะที่ คาดการณ์กำไรปีนี้ที่ 360 ล้านบาท โต 20% YoY และปีหน้า 445 ล้านบาท โต 23% YoY นักวิเคราะห์ของเรายังมองว่ามี Upside แต่เอาแค่ระดับการเติบโต 20% ต่อปี ก็หาได้ยากสำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้แล้วครับ
ราคาเหมาะสมของ BBIK อยู่ที่ 39.75 บาทต่อหุ้น ทางเทคนิค ผมมองว่ากำลังฟอร์มตัวเป็น U-Shape ที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากเขต Oversold โดยถ้าหากสามารถขึ้นไปยืนเหนือ 23.10 บาทได้ คาดว่าจะเห็นการเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องหาแนวต้านถัดไปแถว 24.50 บาท และ 25.25 บาท ตามลำดับ โดยสรุปผมมองว่า BBIK เป็นหุ้นดีมีศักยภาพในการเติบโต ที่ยังตกสำรวจหลังประกาศผลประกอบการในรอบนี้ครับ
สุดท้ายนี้ ขอให้นักลงทุนประสบความสำเร็จในการลงทุนทุกด้าน พบกันใหม่ในบทความฉบับหน้าครับ
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
FACEBOOK : ทันหุ้นออนไลน์ คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews
YOUTUBE : Thunhoon คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
Tiktok : Thunhoon คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม