#ทันหุ้น - 3 โบรกเกอร์ ส่องหุ้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM หลังประชุมนักวิเคราะห์ ธุรกิจพัฒนาในกรอบแผนงาน เตรียม COD โครงการใหม่เพิ่มเติม พร้อมเข้าสู่ ธุรกิจ Data Center มองปัจจัยลบอยู่ในราคาหุ้นแล้ว คงคำแนะนำ "ซื้อ" ประเมินเป้าหมาย 13.10-20.00 บาท
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ชี้ BGRIM อยู่ระหว่างเตรียมพร้อมเข้าสู่ธุรกิจ Data Center คาดได้ข้อสรุปความร่วมมือกับพันธมิตร 1H68F โดยตั้งเป้าหมายช่วงแรก 50-100 MW ซึ่งจะเริ่มดำเนินการภายในปีหน้า
ทั้งนี้ คาดมาร์จิ้นจากการขายไฟฟ้าลดลงเล็กน้อยใน Q2/68F ตามค่าไฟฟ้าที่ลดลง โดยต้นทุนก๊าซที่ลดลงเป็นตัวช่วยชดเชยได้บางส่วน
โครงการ Nakwol 1 (Offshore Wind ในเกาหลีใต้) มีความคืบหน้าก่อสร้าง 44% คาด COD บางส่วนในสิ้นปีนี้
คงคำแนะนำ “ซื้อ” จากราคาหุ้นสะท้อนค่าไฟฟ้าที่ลดลงแล้ว BGRIM อยู่ระหว่างการเข้าสู่ธุรกิจ Data Center ซึ่งถือเป็น Growth Driver ใหม่ ประเมินเป้าหมาย 15.50 บาท
ด้าน บล.เคจีไอ แนะนำระมัดระวัง BGRIM มากขึ้นหลังประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุด แต่มองว่าความเสี่ยงขาลง (downside risk )ได้อยู่ในราคาหุ้นแล้วหลังราคาร่วงหนัก 41% YTD จากทั้งเรื่องความล่าช้าของโครงการกังหันลมนอกชายฝั่ง แรงกดดันของปริมาณการใช้ไฟกลุ่มผู้ใช้งานอุตสาหกรรม (IU) และความท้าทายของสัญญาที่เชื่อมโยงกับราคาก๊าซธรรมชาติได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่น ในแง่บวก ผลงาน 2H68F อาจทำได้ดีเกินคาดจากราคาก๊าซ LNG ลดลง
ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 13.10 บาท ในเชิงเก็งกำไรจาก downside ที่น่าจะจำกัด ปัจจุบัน valuation ทั้ง PE และ PBV อยู่ต่ำที่ -2 S.D โดยกำไรของฝ่ายวิจัยปี 2568F สูงกว่า consensus คาด 3% แต่ปี 2569-70F ต่ำกว่าตลาด
ขณะที่ บล.ดาโอ มอง BGRIM ธุรกิจพัฒนาในกรอบแผนงาน เตรียม COD โครงการใหม่เพิ่มเติม คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 20.00 บาท อิง DCF (WACC 5.7%, TG 0%) ทั้งนี้ มี มุมมองเป็นกลางจากงาน Analysts Meeting วานนี้ (19 พ.ค. 2568) หลังธุรกิจยังพัฒนาในกรอบแผนงาน
โดยสรุปประเด็นดังนี้ 1) โครงการ Nakwol1 offshore wind 365MW คาด partial COD ได้ในปีนี้และ fully COD ในปี 2569E ในขณะที่โครงการอื่นๆเดินหน้าตามแผน 2) ปรับ new tariff formula ลดผลกระทบจากการแทรกแซงค่าไฟ โดยเน้นไปที่ลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าที่จะหมดสัญญา คาดว่าจะปรับได้ราว 20% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า 3) Outlook ราคาก๊าซฯ ปี 2568E ทรงตัว YoY ส่วนผลกระทบจาก U.S. Tariff คาดกระทบ IU volumes -5-10% อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีลูกค้า IU ใหม่เข้าในปีนี้ราว 40-50MW เบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568E ที่ 2.3 พันล้านบาท (+5% YoY) ผลประกอบการได้รับปัจจัยหนุนจากโรงไฟฟ้าที่ทยอย COD เพิ่มเติมราว 200MW ในปี 2568E
ราคาหุ้นกลับมา outperform SET ราว +1% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา คาดหุ้น bottom out หลัง price in ประเด็นแทรกแซงค่าไฟฟ้าไปมาก ในขณะที่สถานการณ์ผ่อนคลายมากขึ้น (การปรับกรอบค่าไฟฟ้าในปี 2568E มาอยู่ที่ 3.99 บาท/หน่วย จากเดิมมีความพยายามจะปรับลงมาที่ 3.70 บาท/หน่วย, แนวโน้มราคา spot LNG ลดลงจาก 15 USD/MMBTU ในช่วงต้นปี 2568 ในขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ราว 11 USD/MMBTU, โอกาสในการกลับมาจ่ายหนี้ EGAT คืน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ผ่อนคลายแรงกดดันต่อโรงไฟฟ้า SPP margin) ประเมินยังเป็นปัจจัยส่งให้หุ้น outperform ได้ต่อ
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม